รายงานการประชุม 27/5/54

– เน้นให้ communicate กับอาจารย์เจ้าของเคส
– resident แปลว่า ผู้อาศัย, ภาคเป็นที่อยู่อาศัยของ resident
– อยากให้อาจารย์สอนก็ต้องออกแรงเชิญอาจารย์ แต่ไม่ใช่ติดต่อกันทางกระดาษโน้ต ทำตัวให้น่ารักน่าเอ็นดู ให้อาจารย์อยากสอน
– เป้าหมายคือให้ทำงานกันอย่างมีความสุข, ไม่อยากเห็น resident หน้าหงิกมาทำงาน
– ดูสไลด์ถึงตีหนึ่ง แต่ถ้าอยากกลับเร็วเช่นสี่ทุ่ม ก็ให้มาดูสไลด์เช้ามืดวันรุ่งขึ้น
– หนังสือไว้อ่านตอนดูสไลด์ การดูสไลด์ที่ภาคแล้วกลับไปอ่านหนังสือที่หอนั้นไม่ได้ผลดี
– เป้าหมายคือให้ทำงานกันอย่างมีความสุข, ไม่อยากเห็น resident หน้าหงิกมาทำงาน
– เนื้อกลางและเล็กแจกแบบไม่มีจำกัดจำนวนและเวลา ตัดเนื้อให้เสร็จวันต่อวัน ถ้าไม่เสร็จย้อนกลับไปดูข้อ 1
– ระหว่างตัดเนื้อถ้าอาจารย์ตามไปดูสไลด์ก็ต้องไป คำตอบว่าไม่ว่างเพราะต้องตัดเนื้อนั้นไม่ถือเป็นเหตุอันควร
– ห้ามตัดเนื้อตอน 10-12 น.
– กินข้าวกลางวันให้เสร็จภายใน 10 นาที
– ถ้าได้เนื้อตอนเย็นวันศุกร์แล้วยังไม่ fixed ให้มาตัดวันเสาร์ ถ้ามาไม่ได้ย้อนกลับไปดูข้อ 1
– รกฉีดสีไม่นับรวมเป็นเนื้อใหญ่ ให้เก็บไว้ฉีดวันรุ่งขึ้นตอน 8-9 น.
– เป้าหมายคือให้ทำงานกันอย่างมีความสุข, ไม่อยากเห็น resident หน้าหงิกมาทำงาน

สอบภาษาอังกฤษ & บริหารทางการแพทย์

 
แค่ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป กระดาษบางกองก็กลายเป็นของไร้ค่า..
อังกฤษ  
 
Reading
เป็นส่วนที่ทำได้มากที่สุดแล้ว
7 ปีผ่านไปหลังปี 1 ที่ไม่ได้สอบภาษาอังกฤษอีกเลย รู้สึกว่าตัวเองอ่านพวก passage เร็วขึ้น
แลกกับ grammar ที่หายไป
ตอนกำลังอ่าน passage สุดท้ายจบแล้ว จะเริ่มทำแบบฝึกหัดก็โดนสั่งให้หยุดเพื่อเริ่มฟัง listening พอดี T_T
สุดท้ายเลยต้องกลับมาอ่านใหม่อีกรอบ          
 
Listening : เค้าบอกว่าให้เอา 2B มาเข้าสอบ แต่ลืมบอกให้เอาถุงอ้วกเข้าไปด้วย!
ก็ฟังออกมากกว่าครึ่งนะ ..แต่สติแตกอะ
โดยเฉพาะส่วนที่ให้ฟังคำถามแล้วกาว่าคนตอบควรจะตอบว่าอะไร
พอเราสติแตกไม่ได้ยินคำถามแล้ว ถึงฟังทั้งสามช้อยออกก็ไม่รู้จะตอบอะไรอยู่ดี T_T
หรือส่วนที่ให้ฟังคนพล่ามยาวๆแล้วตอบทีเดียว 3 คำถาม .. ถ้าสติแตกไป ก็จะว่างเปล่าไปเลย 3 ข้อ
จนอยากให้ใครซักคนยกมือขึ้นบอกว่าปวดขี้ เค้าจะได้หยุดเทปซักแป๊บ คนนั้นจะเป็นฮีโร่มาก T^T
100 ข้อ ใน 40 นาที ..เกือบอ้วกพุ่งแน่ะ !
 
Tip : วิธีทำข้อสอบส่วนนี้ที่ดีคือ อ่านคำถาม(และช้อยส์ด้วยถ้าทัน!)ล่วงหน้า
ฟังมันพล่ามจนจบแล้วรีบฝนคำตอบสุดขีดก่อนที่มันจะอ่านคำถามซึ่งมีในข้อสอบอยู่แล้วให้ฟังจนจบ
จะได้เอาเวลาส่วนนี้ไปอ่านช้อยส์ 3 ข้อถัดไป
 
Writing :
หลังจากฟังเทปนรกนั่นจบแล้ว กูก็ไม่สนใจอะไรในโลกนี้อีกแล้วล่ะ
ก็เลยเขียนส่งๆไปไม่สนใจแกรมมา ของแบบนี้ในชีวิตจริงก็สื่อสารได้ละกันน่า
ให้แต่งประโยคคำถามก็ใช้แต่ Do you have …? โลด           
 
 
บริหารจัดการทางการแพทย์        
 
– ยากอะ T_T เสียวตก
ไม่ค่อยได้เข้าฟัง lecture แต่ก็อ่านนะไอ้ชีทลวงโลกพวกนี้น่ะ 
เพียงแต่ไม่ได้นั่งท่อง keyword เข้าไป T_T
..เกลียดกฎหมาย
 
 
ปล. แต่จริงๆไม่ค่อยจะกลัวตกโดยตัวมันเองหรอก .. กลัวเสียเวลาต้องสอบใหม่/เข้าเรียนคอร์สนั้น/เสียเงินเพิ่ม ตะหาก
เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าตั้งเยอะ       

วันวุ่นวายเมื่อไปเป็นคนไข้ OPD ซะเอง

[วันที่ 1]
– ไปถึงตั้งแต่ก่อน 8 โมง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็น free train ไม่มีสิทธิ์ตรวจที่หน่วยตรวจนักศึกษา 
(ทำไมรู้สึกได้ยินคำนี้บ่อยจัง ไอ้ไม่มีสิทธิ์ หรือ สิทธิ์ลำดับสุดท้าย ..ทำนองนี้)
ต้องเดินไปตรวจตามหน่วยชั้นล่างเองแล้วเอาใบสั่งยากลับมาปั๊มรักษาฟรี
(แต่ตอนหลังไปเจอโปสเตอร์เรื่องสิทธิรักษา จริงๆแล้วมันไปตรวจอีกห้องนึงที่ชั้นเดียวกันได้ต่างหาก เลยต้องไปเสียเวลาคอยหมอที่หน่วยฟรี T_T)
– ได้คิวแรก OPD med 9 โมง แต่ไม่รู้ลำเลียง OPD card กันจนหายไปไหน 
.. จากหน้าห้องเข้ามาในห้อง ชั่วโมงนึงยังมาไม่ถึง -_-" 
(ไม่ควรปล่อยหลุดมือไปแต่แรกเลย ทีหลังต้องกอดเอาไว้แน่นๆ) 
เลยโดนบุคลากรแซงคิวเข้าไปก่อน ปรึกษากันจน 9.45 น.
– ก่อนจะได้เข้าไปตรวจจริงๆ เกือบกลับบ้านไปแล้วหลายรอบ 
ตูกับเพื่อนตูก็มีเลข ว. แต่ทำไมไม่มีปัญญาออกใบลาป่วยได้เองวะ 
ถ้ามันยุ่งยากจริงๆนักละก็ ไปขอจากคลินิกแถวบ้านก็ได้!
– รอน้ำยาทำ NP wash ถึง 11 โมง
– พี่ fellow ที่จะทำหัตถการ เดินมาที่เตียงแล้วตกใจ ว่าทำไมเป็น resident 
สรุปว่าผิดคน พี่เค้าโดนส่งมาหาเคสคุณป้าตะหาก ตูไม่ได้ชื่อโบราณขนาดนั้นนะ T_T
– ยื่นใบสั่งยาไปแล้วโดนเรียกไปถามว่า สองบรรทัดนี้หมายถึงอะไร เดินกลับขึ้นไปถามให้หน่อยดิ
.. ตูจะไปรู้เรอะ ว่าอุปกรณ์ NP wash ชื่ออะไร วันนี้ตู
เป็นคนไข้ โทรศัพท์อะใช้เป็นมั้ย กรูเดินไม่ไหว!
– ได้ใบเสร็จก่อนใบจริงมา 1 ใบ 
ยังไม่ทันเดินไปถึงเคาน์เตอร์เอาใบจริง ก็โดนเรียกกับไปให้รับใบแก้ไข ..
ที่เอามาเทียบกันแล้วก็ เหมือนเดิมนี่หว่า -_-" ยกเว้นเขียนเพิ่มว่า "แก้ไข"  !?!?!?!?
– โดนเรียกกลับไปที่ช่องใบสั่งยา บอกว่าต้องไปแก้ไขใบเสร็จรับเงินใหม่
– สรุปว่าวนเวียนอยู่ตรงช่องการเงิน(ที่ 1 รอบประกอบด้วย 2 เคาน์เตอร์) ถึง 3 รอบ ! .. ได้ใบแก้ไขรวม 2 ใบแล้ว เอาเข้าไป
– จริงๆขั้นตอนละเอียดกว่านี้มาก แต่ไม่รู้จะพิมพ์ไปทำไม 
– เกือบตกบันได OPD -_-"
– ความผิดเราเองอะ ที่ก่อน 9 โมงไม่ไปกินข้าวเพราะไม่หิว กว่าจะได้กินข้าวเช้าเลยปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง T_T
– จริงๆไข้ก็เริ่มลดตั้งแต่ยืนตากลมรอ OPD card ตอนแรกแล้ว แต่วัดแล้วยัง 37.8 อยู่
ปล. ถึงทำ OPD ใหม่แล้วดูไฮโซขึ้นยังไง แต่เห็นความแออัดของแพทย์และคนไข้แล้ว มันก็ยังดูเหมือนโรงงานนรกอยู่ดีอะแหละ
ปล2. รพ.ใหญ่ กว่าจะได้อะไรสักอย่างก็ยากเกิ๊น ส่วนรพช.ก็ได้ง่ายเกินไปอะ -_-"
ปล3. ขอบคุณมูมินมากๆ ที่วิ่งจัดการเอกสารต่างๆหัวปั่นแทนเรา T_T หงุดหงิดแทนเรา 55 ขนาดแยกย้ายกันตั้งหลายทีัยังเสร็จช้าขนาดนี้เลย
[วันที่ 2]
สรุปผล lab เป็น H1N1 จริงๆ เลยต้องไป f/u เอายาต่อ
– ยอมร่วมเป็นหนึ่งในเหยื่องานวิจัยเกี่ยวกับภูมิต้านทานไข้หวัดใหญ่่ 2009 
– ได้ใบสั่งยามาจากอาจารย์ทันทีหลังคุยเรื่องโครงการ
– ขั้นตอนต่างๆราบรื่นผิดปกติมาจนถึงรอรับยา ที่นานเป็นชาติ 
วันนี้แต่งชุดธรรมดา สวมหน้ากาก ดูเป็นคนไข้ผิดปกติ ไปนั่งกลมกลืนไปหมู่คนไข้ 
เลยได้ฟังคนไข้นินทาหมอบ้าง ชมบ้าง นั่งด่าว่าเลข 33 มาตั้งชาตินึงแล้วไม่ขยับเลยบ้าง ฯลฯ
ได้หยุด 5 วัน แต่นี่ก็หายไป 2 วันแล้วค่ะ -_-"

Ringtone ไหนดี?

เรื่องริงโทนสำหรับเวลารพ.ตามนี่เป็นอะไรที่เราคิดหนักมาหลายที ว่าจะใช้เพลงอะไรดี
จะตั้งใจหาเพลงเพราะๆมาใช้ก็รู้สึกว่า รพ.นี่ช่างไม่คู่ควรกับมันซะเลย
..หรือว่าตูยิ่งควรจะใช้มันดี เพราะมันเป็นริงโทนที่ตูจะได้ยินมากที่สุดแล้ว = ตลอดเวลา! 
(ยังคิดไม่ออก บวกขี้เกียจ เลยใช้แค่ริงโทนที่มีมาให้ในมือถือไปก่อน)
.
.
.
เย็นวันหนึ่ง หลังจากมาทำงานที่จังหวัดนี้ได้สองเดือนกว่าๆ 
เสียงร้องใสๆของนักร้องสาวกับเมโลดี้น่ารักติดหู ที่แว่วมาจากห้องพักแพทย์ 
เหมือนเป็นเสียงสวรรค์ที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
ถึงแม้จะเป็นเพลงจากโฆษณาก็เถอะ
ความคิดอยากได้มาใช้เป็นริงโทนจึงเกิดขึ้นทันที
เพื่อทดแทนเสียงริงโทนของ HTC ที่ toxic จะตายอยู่แล้ว
(ต่อจากริงโทนของ sony ericson ที่ toxic ตายไปแล้ว ตั้งแต่ตอนเป็น extern)
ชีวิตอับเฉาของ intern ที่วิ่งวุ่นวายไปมาตลอดเวลา จะได้มีเสียงเพลงน่ารักสดใสมาเปิดประกอบบ้าง

เพลงนี้คือ New Soul ของ Yael Naim :: http://www.youtube.com/watch?v=XgEfYGzojcA
(และพอได้ฟังทั้งอัลบัม ..พบว่า มีเพลงแรกนี่แหละสดใสอยู่เพลงเดียว T_T)
เนื้อเพลงก็ช่างตรงกับชีวิตอะไรเช่นนี้ ยกให้เป็น Intern song เลย !

I’m a new soul
I came to this strange world  >>> (สำหรับจขบ.ผู้แปลกถิ่นแล้วที่นี่คือถิ่นแปลก!)
Hoping I could learn a bit bout how to give and take
But since I came here, felt the joy and the fear 
Finding myself making every possible mistake >>> (T_T)

La, la, la, la (21x)

See I’m a young soul in this very strange world 
Hoping I could learn a bit bout what is true and fake >>> (!)
But why all this hate? try to communicate >>> (ฟังภาษาอีสานไม่รู้เรื่องเลย T_T)
Finding trust and love is not always easy to make
ช่วงแรกที่ใช้นั้นมีความสุขดี อย่างน้อยเวลาโดนตามตูก็ยังจะได้ฟังเพลงเพราะๆ 
แทบอยากจะไปรับโทรศัพท์ช้าอีกสักหน่อย ขอฟังต่ออีกสักนิด
ใช้อยู่ได้ไม่ถึงเดือน.. เริ่มชักจะไม่ดีซะแล้วสิ แต่ยังไม่มีเวลาเปลี่ยนเพลงใหม่
จนเมื่อมันเกินหนึ่งเดือนไป เหมือนถึง toxic level 
ก็เริ่มรู้สึกว่าเป็นเพลงที่ทนฟังไม่ได้ T_T
ถ้าบังเอิญอยู่นอกรพ.เดินผ่านที่ที่กำลังเปิดเพลงนี้ ก็จะสะดุ้งเฮือก เหงื่อตก วุ่นวาย เศร้าซึม หางตก
ก่อนจะคิดได้ซะอีกว่านี่ไม่ใช่เสียงจากโทรศัพท์ตูนี่หว่า
จนทุกวันนี้เมื่อได้ยินเพลงนี้ แล้วภาพ flashblack เก่าๆ :
ฉาก CPR, รับเด็ก, ชันสูตร และเหตุการณ์ว้าวุ่นอื่นๆ .. 
จะขึ้นวนเวียนในสลับกันไปมาไม่รู้จบ
จนแทบหน้ามืด -_-"
.
.
.
หลังจากนั้น จขบ.จึงเริ่มทำการทดลองเพลงแนวต่างๆ ไปเรื่อยๆ 
ได้ข้อสรุปสำหรับตัวเองดังนี้
– บทสรุปจากเพลง New soul คือ
 ไม่ควรใช้เพลงที่ชอบนานเกินไป ถ้าไม่อยากทำให้เพลงนั้นกลายเป็นเพลงที่ไม่ชอบ 
– ส่วนการใช้เพลงที่เกลียดแทนรพ.(ที่ก็เกลียด 55)… ฟังแล้วอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ 
ทั้งโดนตาม+เพลงน่ารำคาญ อะไรจะแย่ขนาดนี้
– ต่อมาทดสอบใช้เพลงให้เข้ากับสถานการณ์ 
สถานการณ์ที่ว่าคือ CPR เลยลองเพลงที่เร้าใจมากๆดู
เราทดลองด้วยเพลงสากลเพลงหนึ่ง ที่ขึ้นต้นเพลงปุ๊บก็นักร้องก็แหกปากว่า
EEE-MERRR-GENNN-CYYYYYYYYYYYYYYYYYYY !!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ตูหัวใจวายตั้งแต่ทดลองใช้แล้ว T_T เพลงแนวนี้จึงโดนโยนทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย
– อีกเพลงนึงที่เข้ากับโรงพยาบาล แต่ไม่เร้าใจมาก
คือ กลิ่นโรงพยาบาล ของพาราด็อกซ์
แต่หลังจากจินตนาการเหตุการณ์สมมติว่ากำลังนั่งตรวจ OPD อยู่แล้วโดนตาม
"กลิ่นโร้งงง..โรงพยาบาล
….กลิ่นล้างงง…ลางร้ายมาเยือน" 
ถ้ารับโทรศัพท์ไม่ทันก่อนประโยคหลังขึ้นนี่.. ต้องมาคุแน่เลยอะ T_T
– ไม่ควรใช้เพลงเศร้า .. มันจะซ้ำเติมความเศร้าเกิน ราวกับเป็นนางเอกมิวสิก
โดนตามตัว ลุกเดินไปอย่างกระย่องกระแย่ง แล้วยังมีเพลงเศร้าประกอบอีก .. 
โอย ฆ่าตัวตายดีกว่า 
– มีพี่คนนึง ใช้เพลงลูกทุ่งแทนเสียงรพ.ประชดไปเลย แต่อันนี้จขบ.ยังทำใจใช้ไม่ได้
.
.
.
ดังนั้น เพลงที่ควรใช้เป็นริงโทนสำหรับรพ.ตาม (สำหรับเรา, Pum’s guideline)
ควรเป็นเพลงกลางๆ ไม่ชอบไม่เกลียด ไม่เริ่มด้วยเสียงดังเกิน 
เอาแบบค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเนียนๆไม่กระชาก 
แต่สุดท้ายต้องดังจนปลุกเราให้ตื่นได้ตอนกลางคืน
และก็ยังต้องคอยเปลี่ยนทุกเดือนอีกด้วย 🙂
บันทึกไว้เมื่อ ธ.ค.51

Intern 1 : รพ.ทั่วไป ณ อีสาน

ความทรงจำของ Intern 1 ช่วง 9 เดือนที่อยู่รพ.จังหวัด
ไม่ใช่รีวิวรพ. ไม่ได้พูดถึง staff ครบทุกคน 
เป็นแค่บันทึกความทรงจำอันขาดห้วง… 
(แปลว่าจำไม่ได้แล้ว)


Ortho

Staff A : round เช้ามากกก เป๊ะมาก 7 โมงเช้า ทุกวัน
วันไหนไปสาย 5 นาที จะรู้สึกผิดมาก เพราะ round เสร็จไปแล้วแถวนึง T_T
Staff B : ราวน์ไม่เป็นเวลา ต้องไปนั่งดักรอที่ ward  
บางวันอาจมา round เย็นตีหนึ่ง เกินกว่าจะตามไปไหวจริงๆ (ไม่เป็นไร พี่เค้าใจดีมาก)
> เกลียดการเข้า OR ตอนเลื่อยกระดูกที่สุด เศษกระดูกเฉียดหน้าไปมา (face shield ไม่พอ) 
เกลียดกลิ่นกระดูกอบอวลเหมือนเวลากรอฟัน แต่แรงกว่า 10x
> รู้สึกตัวเองเป็นช่างไม้เวลาไข plate screw ต่างๆนานา แต่ก็สนุกดี
> ไม่มีแรง reduce อะไรเ่ข้าซักกะอย่าง แม้แต่แขนเด็ก T_T
ศัลย์
Staff A : หรือที่พวกเราแอบตั้งชื่อให้ว่า "แด๊ด"
แด๊ดน่ารักมาก ทำให้นึกถึงแมรี่ป๊อปปิ้นส์ภาคชายใกล้เกษียณรูปร่างผอม เดินแกว่งร่มไปมาอย่างสบายอารมณ์ (และลืมร่มไว้ตามวอร์ดบ่อยๆ..เกือบทุกวัน ต้องคอยเตือน) 
บทสนทนาเวลา round เช้าจะเป็นประมาณนี้
เตียงแรก
"เอ้าๆ appendix เหรอ… เซ็ท OR เลยๆ"
"จารย์คะ .. เตียงนี้ผ่าไปแล้วค่ะ"
"……………."
เตียงถัดมา
"อืมๆเตียงนี้กี่วันแล้ว ให้ liquid diet เลย"
"จารย์คะ .. เตียงนี้ยังไม่ได้ผ่าค่ะ"
"……………."
Staff B : เท่มาก ปฏิเสธเงินที่คนไข้ยื่นให้ "โอ๊ย ไม่ต้องฝากพิเศษผมหรอก ผมรักษาให้พิเศษทุกคนอยู่แล้ว"
> วันไหนไม่ได้อยู่เวร ต้องทำตัวเป็นบุคคลสาบสูญ ติดต่อไม่ได้
ถ้าเผลอรับโทรศัพท์ละก็ เย็นเดียวที่ได้หยุดของสัปดาห์นั้นมีหวังต้องไปลงเอยอยู่ใน OR ผ่าไส้ติ่ง 
Med
> เมดที่นี่แปลกมาก เป็นภาคที่สบายที่สุด เพราะขยะของที่นี่คือศัลย์
แต่ intern ไม่มีสิทธิสบาย ยังมีเวรอื่นๆรอเจ้าอยู่
เด็ก
> round newborn เช้าละเกือบ 40 ตัว (รวมทั้งตัวปกติ+ป่วย) ทุกวันตลอดสองเดือนนี่มันช่างเอียนจริง 
ช่วงที่พีคของความเอียนมันจะเริ่มที่ 1 เดือน หลังจากนั้นก็จะค้างเป็น plateau phase 
จนถึงวันที่สามารถถอดวิญญาณไป round ได้… ก็จะไม่มีความรู้สึกอะไรอีก เหมือนอยู่ใน lucid dream ตลอดเวลาที่ราวนด์
> วอร์ดในรพ.ก็ราวกับเค้าสร้างขึ้นมาใหม่ทุกวัน พิเศษนั่นพิเศษนี่ แอบอยู่เต็มซอกไปหมด ราวนด์เท่าไหร่ก็ไม่ครบสักทีสิว่ะ!
> ดังนั้นกว่าจะ round newborn เสร็จ แล้วมา round เด็กทั่วไป เสร็จก่อนสตาฟฟ์นี่ต้องตื่นเช้ามากทีเดียว
> OPD ก็มีแต่ URI ไม่รู้จบเช่นกัน

สูติ
> ป่วยพอดี หายไปเกือบสิบวัน
> ทำหมันสนุกแฮะ (แต่ต้อง under GA และสตาฟฟ์รับผิดชอบเท่านั้น!) 
แต่สถิติเร็วสุดได้แค่ 10 นาทีเอง T_T ช่วงที่คล่องขึ้นดันเจอแต่เคสยากๆ
เวลาเฉลี่ย 15 นาที/เคส
> รอดมาได้จนบัดนี้โดยไม่เคย C/S 555 เพราะทำตัวเอ๋อไปวันๆจนสูติแพทย์ไม่ไว้ใจไม่ปล่อยให้ทำอะไรเอง
ครึ่งครั้งที่ได้ทำดันเจอเด็กหัวโต ล้วงไม่ขึ้น
ER
> อันที่จริง 9 เดือนก็อยู่แต่ที่นี่น่ะแหละ ตามวอร์ดนี่เหมือนไป elective เล่นๆ
> หลังสามทุ่มจะแปรสภาพเป็น OPD ด้วย ยังกับเดิมยังยุ่งไม่พอ
> รับ refer ไปเรื่อยๆ ก็จะจำชื่ออำเภอได้ครบเอง (จังหวัดบ้านตัวเองยังจำได้ไม่หมดเลย)
อื่นๆ
> เหมือนถูกจับไปโยนลงเหวจริงๆ สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดทำให้อ่านหนังสือเรียนมากกว่าตอนเรียนอีก -_-"
> ช่วงเดือนแรกสนใจแต่เรื่องเศรษฐกิจกับการแพทย์ ! .. (ม่ายยย! นี่ไม่ใช่ปุ้ม)
> และพกชีทพี่ยอดติดตัวตลอดเวลาีที่อยู่เวร CPR เดินไปเดินมาเหมือนคนบ้า ไม่ว่ากินข้าว ไปเซเว่น อาบน้ำก็ต้องวางไว้หน้าห้องน้ำ โดนตามแล้วหยิบติดมือได้ทันที
> เคยโมโหสตาฟฟ์บางคนจนอยากจะ… ตอนเค้าถูกเรียกมา ER เมื่อไหร่ จะถือ defib  ย่องเข้าไปข้างหลัง ..
..อย่าลืมแอบชาร์จด้วย .. แล้วนำไปวางบนหลังสตาฟฟ์อย่างแนบชิด 320 J monophasic (มันมีแต่แบบนี้)……..
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ คิดทีไรได้แต่นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว เป็นจินตนาการกันหอมหวล ของ Intern 1 ในตอนนั้น
> ที่นี่ไม่มีโรงหนัง ร้านอาหารแฟรนไชส์มีแค่มิสเตอร์โดนัทกับแดรี่ควีนส์! 
ภาษาอีสานงูๆปลาๆ

> อยู่อีสานมาปีกว่า ก็ยังเว้าอีสานไม่ได้เหมือนเดิม จำได้อยู่ไม่กี่คำ 
เป็นคำสำคัญที่ต้องรู้ เพราะมันเปลี่ยนอาการสำคัญไปเลยน่ะสิ!
เช่น..
(หมายเหตุ : สะกดมั่วบ้าง ความหมายมั่วบ้าง ห้ามใช้อ้างอิง
และขึ้นอยู่กับกาลเทศะคือใช้พูดกับคนท้องถิ่นอายุมากเท่านั้น 
หนุ่มๆสาวๆเค้าพูดภาษากลางได้ หรือกับคนภาคอื่นที่ย้ายมา พูดธรรมดาจะฟังสุภาพกว่า)
ไข้แน่ ..ฟังดูเหมือนมี"ไข้" (fever) แต่จริงๆแปลว่า… ดีขึ้นแล้ว
ทำเป็นเล่นไป มีคนไข้โดนจับตรวจไข่เพราะคำคำนี้มาแล้ว (ไม่ใช่ตู! เรื่องมันเกิดนานมาแล้ว)

เมื่อย ..แปลว่า.. เหนื่อย
เกือบให้ยานวดไปแล้วมั้ยล่ะ

มึน (dizzy) ..แปลว่า.. ชา (numb)
แล้วมึนจริงๆต้องพูดว่าไรอะ มันมิ้งงงง.. มันวิ้งงงงง.. โอยไม่รู้(แต่ดูออก)

– pain : ถ้าใช้คำว่า "ปวด" บางคนจะไม่เข้าใจ ต้องใช้ว่า "เจ็บ"
เช่น เจ็บกะตงกะโตน(มันคืออวัยวะอะไรนั่นน่ะ สะกดมั่วนะ) = เจ็บตามตัว
เจ็บหม่องได๋ = เจ็บตรงไหน

– ปัสสาวะ : ลืมคำนี้ไปได้เลย แค่คำว่า ฉี่ บางคนยังไม่เข้าใจ .. ต้องใช้ "เยี่ยว
เผลอติดมาใช้กะคนไข้ภาคกลางหลายหนเหมือนกัน -"-

ฮาก = อ้วก 
อันนี้พอเดาได้เพราะรู้อยู่แล้วว่า ราก แปลว่าอาเจียน
เช่น เจ้าฮากอยู่บ่ = อ้วกมั้ย?

เทื่อ = ครั้ง, จักเทื่อ = กี่ครั้ง
หรือบางทีจะได้ยิน… จักวีค = กี่ week แปลว่าท้องกี่สัปดาห์แล้ว (ช่างผสมผสานภาษาอีสานกับภาษาอังกฤษได้อย่างน่าสนใจ!)

อยากเมือ = อยากกลับบ้าน .. ได้ยินประจำบนวอร์ด (ตูก็อยากเมือโฟ้ย) 
คนพูดมักจะเป็นคุณลุงคุณป้าที่เป็นโรคเรื้อรัง ดูสภาพยังไม่น่าได้กลับในเร็ววัน
ตรงข้ามกับพวกปกติที่ OPD ที่คำพูดติดปากจะเป็น "อยากนอน"

ฮานนา.. คำนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไรกันแน่ ฟังดูเป็นคำสร้อยประมาณ ล่ะน่า นั่นล่ะ ฯลฯ
แต่เราติดเอาคำนี้มาใช้เวลาเกิด silent gap ซะแล้ว หรือบางทีก็ใช้ตอนถอนหายใจ เฮ้อ ฮานนา..
> คนไข้ชราบางคนจะเรียกเราว่า "แม่หมอ" ฟังดูชอบกล มันแปลว่าหมอจริงๆใช่มะ ไม่ใช่คุณยายคิดว่าเรานั้นเป็นแม่หมอ 555
> โลตัสที่นี่มีภาษาลาวด้วย คนลาวข้ามมาซื้อของเป็นเรื่องปกติ (ข้ามมาคลอดก็เป็นเรื่องปกติ!)
> เวลาไปธนาคาร พนักงานจะพูดว่า "เฮ็ดหยัง" แทน "มาทำอะไรคะ"
มีคนบอกว่าภาษาอีสานของที่นี่ก็ไม่ใช่ภาษากลางของภาษาอีสานอีกน่ะแหละ
แล้วแถมแถวนี้ยังมีภาษาอื่นๆของชนเผ่าพื้นเมืองอีกตั้งหลายภาษา ที่ขนาดคนท้องถิ่นเองก็ยังฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน
โฮกกก ให้ฉันเรียนภาษาฮินดูเลยเถอะ!

ภาคพิเศษ : เมื่อแพทย์เวรฉุกเฉินเกือบกลายเป็นคนไข้ฉุกเฉิน
– flu-like symptoms ไข้สูงทะลุชาร์ต กินไม่ได้ 3 วัน DTX ~39 
พี่พยาบาลเลยจัดให้เป็นคนไข้ emergency ของ ER ที่จริงๆแล้วตอนนั้นเป็นเวรเราพอดี! 
แต่ผลปรากฎว่า..เครื่อง DTX อ่านผิด confirm blood sugar ได้ 70+
– สตาฟฟ์บอกว่าเป็นหวัด จงแดก ORS แล้วกลับบ้านนอนซะ 
(ของจริงไม่ได้หยาบหรอก แต่สำหรับตูแล้ว manage แบบนี้ มันก็ไม่ต่างกันล่ะ)
อยาก admit ก็ตามใจ
– ต่อมาเริ่มมีผื่น, liver enzyme 500+,  อ้วกจน K 2.8 ก็ว่าไม่เป็นไร ไม่ต้อง replace.. จงตั้งใจแดก ORS ต่อไป .. บัดซบจริงๆ
จนต้องรอหลัง round เย็น แอบโทรไปขอเพื่อน intern ที่กำลังอยู่ med ให้มาใช้สิทธิ์นั้น order K นอกเวลาให้หน่อยสิ นะนะ 
ถ้าจะโดน off ตอนเช้า อย่างน้อยคืนนี้ตูก็ได้ล่ะ
– ขบวนพาเหรดผอ.
นำหน้าด้วยผอ. เลขาฯ และลิ่วล้อมากมาย บลา บลา บลา เดินแถวเรียงหนึ่งกันเป็นเกม RPG วนเข้ามาหา item ห้องหนึ่งรอบ มอบกระเช้าของขวัญ ถ่ายรูปแชะๆๆ (โดยไม่สนใจว่าตูจะมีผื่นหรือไม่) แล้วก็ออกนอกประตูไปอย่างรวดเร็ว เล่นไรกันวะเนี่ย 
– admit อยู่ประมาณ 10 วัน นานสุดและอาการหนักสุดแล้วตั้งแต่เคยป่วยมา 
เข้าใจแล้วว่าทรมานจนขอตายดีกว่าเป็นยังไง
– ปัจจุบันยังไม่รู้เลยว่าตกลงป่วยเป็นไร -"- ผลเลือดกับ swab ที่ส่งไปกทม.ก็ไม่เห็นมีใครรายงานมาเลย -_-"

นิสัยแบบนี้เลือดกรุ๊ป B แน่ๆ

"ศิลปินรักอิสระ แต่แฝงความน่ารักแบบขำๆ"

ชื่อบล็อกนี้มันคือหนังสือเล่มนึง ประโยคข้างบนมันคือข้อความบนหน้าปก
-> พูดซะดูดีเชียะ แต่พออ่านข้างในโดยเฉพาะสถานการณ์จำลอง"ถ้าเป็นคนกรุ๊ปบีคงจะทำแบบนี้"ด้านท้ายเล่มนี่ คนกรุ๊ปบีมันเป็นตัวชั่วชัดๆ 55
ชอบส่วนท้ายเล่มนี้มาก ขอนำมาเล่าสักเล็กน้อย
ถ้าึคนกรุ๊ปเลือดบีเป็น..
– แฮนเซลกับเกรเทล
ไม่กลับหรอกบ้าน ไปเที่ยวดีกว่า 555

– ลมเหนือหรือพระิอาทิตย์ในนิทานที่แข่งกันใครทำให้คนถอดเสื้อได้ก่อนชนะ
เลิกแข่งเอาดื้อๆ ไม่เห็นหนุกเลย นายก็พยายามเข้าแล้วกันนะ บ๊ายบาย

– ซินเดอเรลลาโดนพี่สาวรังแก
จะให้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ล่ะ จะมาสั่งกันเฉยๆอย่างงี้ได้ไง (ไม่งั้นไม่อยู่เวรให้จริงๆด้วย!)

– สโนว์ไวท์ได้แอปเปิ้ลอาบยาพิษ
ไม่เอาหรอก  อย่ามายุ่งกับชั้น


ของจริงจะตลกกว่านี้ เพราะรูปมันตลก
…..
ที่พูดถึงหนังสือเล่มนี้เพราะพอดีได้ไปยืนอ่านมา .. มันจะพูดถึงนิสัยมาเป็นข้อๆ ให้ติ๊กว่าตรงรึเปล่า (ขนาดคนเขียนเองมันยังบอกเลยว่าอาจไม่ตรงไม่ต้องซีเรียส) ติ๊กเสร็จก็ให้เอาไปให้เพื่อนดูเพื่อแนะนำตัวเอง
ทีนี้เราไม่ได้ซื้อมา แต่ยืมมาเลยติ๊กแล้วเอาไปยื่นให้ใครดูไม่ได้ (จะได้โดนเจ้าหน้าที่ห้องสมุดด่า 555) ก็เลยเอามาพิมพ์สักเล็กน้อยละกัน ไร้สาระดี
ส่วนใหญ่ก็ไม่ตรงจริงๆอะ ทั้งเ่ล่มติ๊กได้แค่ 10% เองมั้ง
คนเลือดกรุ๊ปเดียวกันไม่มีทางนิสัยเหมือนกันหรอก บ้านเรากรุ๊ปเดียวกันทั้งบ้าน ไม่เห็นจะมีใครนิสัยเหมือนกันเลย!
เลือกมาเฉพาะที่ตรงกะเรานะ (เลือกมาจากข้อที่ตรงกะเราอีกที .. ถ้าให้ตูนั่งพิมพ์ทั้งเล่ม มาเอาบัตรตูไปยืมอ่านเลยดีกว่า)


ตัวเอง/พฤติกรรม
– มักถูกใครๆมองว่าเป็นพวกใช้ชีวิตง่ายๆสบายๆ แต่ที่จริงเป็นคนค่อนข้างคิดมาก
– แต่บางครั้งก็ปล่อยตัวสบายๆ
– ข้างในจริงๆเป็นคนมืดมน
ตูมันดาร์กและมองโลกในแง่ร้าย
– ขี้อาย
– แต่สามารถทำใจกล้าในบางสถานการณ์
เช่น ไปโวยกะเจ้าหน้าที่ที่แจกเคสหลังผ่าตัดแล้วจะไปเหลืออะไรให้ตรวจ จะได้ไม่ต้องเขียนรายงาน 555
– เคยสงสัยว่า นี่เราเกิดมาผิดที่ผิดเวลาหรือเปล่านะ
น่าจะเกิดสมัยที่ยังฮิตผู้หญิงอ้วนๆ ก๊ากๆๆ (จริงๆย้ายไปแถวแอฟริกายังทัน)
– ชอบอยู่บ้าน
– ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประสาทสัมผัสจะทำได้ดีเกือบทุกอย่าง
– แต่เบื่อก่อนที่จะเริ่มทำจนเก่งอย่างจริงจัง
คงไม่ถึงกับเกือบทุกอย่าง แต่เวลาเริ่มเล่นพวกดนตรี กีฬา จะเป็นเร็วแต่ขี้เกียจซ้อม
– ตั้งใจเต็มที่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เช่น การนั่งทำลิสต์ต่างๆ (และบล็อกนี้!)
– เกลียดการ"โกหก" แต่หลงใหล"ความลับ"
– อยู่ดีๆก็อยากลงไปนอนกลิ้งบนพื้น
– ชอบเล่นเกมเก่าๆง่ายๆ
อยากเล่นเกมแฟมิคอมง่ะๆๆๆ
– ถึงจะขี้เกียจ แต่เวลาอยู่นอกบ้านก็ทำตามกฎนะ
– อยากขี่เมฆสีทอง
จริงต่อจากนี้มีบอกว่า เชื่อว่าตัวเองต้องขี่เมฆสีทองได้แน่ๆ
แต่เราเชื่อว่าตัวเองต้องขี่ไม่ได้แน่ๆตะหาก ๕๕๕ (แต่ตอนเด็กๆก็เคยเชื่อว่าขี่ได้นะ)
– ถึงภายนอกจะดูเหม่อๆ แต่ในหัวกำลังคิดถึงเรื่องต่างๆด้วยความเร็วแบบไม่น่าเชื่อ
ให้มันจริง
– ปากเสียอยู่เป็นนิตย์
เชี่ยม
– เคยคิดว่าตัวเองเป็นพวก"ช่างฝัน"และก็เล่าให้คนอื่นฟังด้วย
ช่างฝันในที่นี้ขอตีความว่าเพ้อฝัน ก็แค่เคยเท่านั้นแหละ
– บางครั้งก็นึกมุกตลกสุดยอดได้จนตัวเองยังตกใจ
– ชอบจดบันทึกอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง 
ไม่นับเลกเชอร์
– เคยพยายามหัดเขียนด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด แต่มันช่างเป็นความพยายามที่สูญเปล่าจริงๆ
– ชอบบรรจงขยี้ตานานๆ ก็เรื่องแบบนี้จำทำแบบขอไปทีไม่ได้หรอก
ก็เป็นภูมิแพ้นี่หว่า
– ขี้เบื่อ เบื่ออะไรง่ายๆ
current-reading เต็มบ้าน
– ถูกยุงกัดบ๊อยบ่อย
เฮ่ย เกี่ยวอะไรกะกรุ๊ปเลือดวะ
– ไม่สนใจคุณค่าของของมีค่า
– แต่กับของไม่มีค่าจะสนใจมาก
– อยากลองปีนขึ้นไปบนหลังคาดู หรือไม่ก็เคยปีนขึ้นไปแล้ว

– ถ้าตัดสินใจแล้วว่า "อันนี้แหละ" ในหัวก็จะมีแต่เรื่องนั้นอย่างเดียว เย็นนี้จะกิน แกงกะหรี่ แกงกะหรี่ แกงกะหรี่
– แต่ถ้าไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ความอยากอาหารจะหายไปทันที
– ระดับความต้องการจะลดพรวดพราด จากที่"จะกินให้จุกไปเลย" เหลือแค่"กินกันตายก็พอ"
อืมๆ มุ่งมั่นกับการหาของกินมาก
– ไม่ชอบอะไรน่ารำคาญ
มีสิ่งที่รำคาญเยอะมากทีเดียว
การเชื่อมต่อกับผู้อื่น
– ถ้ามีใครมาฟันธงว่า"เธอเป็นแบบนี้!" จะรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
เอ็งมันจะไปรู้อะไร!
– ขณะที่ดูหนังจากแผ่นดีวีดี ถ้าเพื่อนชวนคุยอยู่เรื่อยๆจะนั่งนึกเสียดายว่า "รู้อย่างนี้ดูคนเดียวดีกว่า"
ถ้านั่งดูที่หอหญิงสมัยก่อน จะโดนถามประมาณ 18 รอบว่า "นี่เรื่องอะไร"
คนอื่นที่ยืมไปดูทีหลังบอกว่าสนุกทุกคน ยกเว้น..ตู
– ถ้าถูกขอร้องให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำ จะไม่ตอบรับ ยังไงก็ทำให้อยู่ดีแหละ แต่จะไม่ตอบ"โอเค" เป็นอารมณ์ต่อต้านเล็กๆ
– ไม่สนใจคนที่เมาแล้วเอะอะอาละวาด น่ารำคาญน่ะ แค่ไม่มาทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็พอแล้ว
เช่น ถ้าเราไม่ได้อยู่เวรแถวๆนั้นก็แล้วไป ๕๕๕
– เหมือนไม่ค่อยใส่ใจบรรยากาศรอบข้าง แต่จริงๆแล้วแอบวิเคราะห์อยู่ลึกๆ
– เวลากำลังเขียนอะไรอยู่ จะไม่อยากให้ใครเห็น ถ้ามีใครมายืนดูจะไม่อยากเขียนต่อ
ถ้ากำลังตอบสอบก็จะเกิดโง่ทันที
ถ้ากำลังตรวจคนไข้ จะโมโหคนไข้ที่ชะเง้อหน้ามามองคอม!
– ถ้าเจอคนที่ไม่ได้เจอกันนานๆ แล้วถูกถามว่า"ตอนนี้ทำอะไรอยู่เหรอ" จะคิดว่า"รู้แล้วจะทำไมเหรอ"
– ส่วนตัวเองก็จะไม่ยิงคำถามใส่ฝ่ายตรงข้าม ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรหนิ ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงด้วย
เลยไม่มีคนคบ 555
– ไม่ชอบแนะนำร้านโปรดของตัวเองให้คนอื่นรู้
ไม่ได้ๆ เดี๋ยวคนต่อคิวเยอะ 
– ถ้าเจอคนรู้จักข้างนอกจะรีบเดินหนี ชึบๆๆ
ส่วนใหญ่จะแต่งตัวอุบาทว์ไปเที่ยวอะ
แนวโน้ม / ความชอบ / ความสามารถพิเศษ
– มีงานอดิเรกเยอะมาก
– ถนัดดูภาพสามมิติ (แบบที่ต้องหรี่ตาดู)
ดูปุ๊บเห็นเลย โฮ่ๆๆ
– เล่นเกมจับผิดภาพเก่งมาก
– มีหนังสือแปลกๆที่คนทั่วไปไม่อ่านกันอย่างน้อย 1 เล่ม
เช่น ธรณีวิทยา .. กูซื้อมาทำไมวะ
– มีความสามารถพิเศษที่นำไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย แต่ก็ภูมิใจมากเหลือเกิน
น่าจะหมายถึง ผิวปากเป็นเพลงได้, กระดิกหูได้เล็กน้อย ๕๕๕ แล้วก็ความสามารถในการกินขนมหวานได้เยอะๆ 
– ทนไม่ได้เวลาเล่นเกม RPG ที่ต้องใช้เวลาเล่นนานๆ
ไม่เคยทนเล่นจบได้ซักเกมเลยอะ
– ชอบสังเกตดูพฤติกรรมมนุษย์
มนุษย์ประหลาดดีออก
– ถ้าชอบอะไรขึ้นมาจะทำจริงจังมาก ดูเผินๆเลยเหมือนพวกโอตาคุ หรือพวกมาเนีย
– แต่ก็ไม่ใช่โอตาคุที่แท้จริง เพราะเบื่อง่ายเบื่อเร็ว ลืมได้เร็วด้วย
– เวลาปอกเปลือกส้ม ถ้าได้ลองเริ่มดึงเส้นใยขาวๆออก จะทำไม่หยุดจนกว่าจะเอาออกหมด
เพียงแต่ไม่ค่อยได้กินส้มเท่านั้นเอง
– ไม่รู้ทำไมถึงชอบลูกโลกจังเลย
เคยอัพบล็อกเรื่องนี้ไปแล้วด้วย แหะๆ
– ไม่ยอมใช้มุมของยางลบสักที ไม่อยากใช้น่ะ
– การ"เรียนเก่ง"ไม่ได้เป็นประโยชน์เท่าไรเลย สำหรับตัวเราเองนะ
นับเป็นข้อเสียสุดๆตะหาก ทำให้เอ็นท์ติดคณะนี้!
– เวลาบ่นก่อนสอบว่า "ไม่ได้อ่านหนังสือเลย" ก็แปลว่าไม่ได้อ่านจริงๆ
– ไม่ชอบการถกปัญหาเป็นกลุ่ม
– เพราะสุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดีนี่นา
โดน!
– วันดีคืนดีก็บ้าคลั่งขึ้นมา
– อยู่ดีๆก็ลุกขึ้นมาจัดห้องใหม่กลางดึก
แต่จัดไม่เคยเสร็จอะ
– ถ้าไม่"ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม" ก็ "ไม่ทำความสะอาดเลย" จะไปๆมาๆอยู่ระหว่างสองแบบนี้
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบหลัง ๕๕๕, ถ้าเป็นแบบแรกก็คิดอยู่ในใจ
– มีความสุขเวลาได้เดินไปเรื่อยๆแบบไม่ต้องสนใจเวลาหรือจุดหมายใดๆ
– ตอนนอนไม่อยากยื่นเท้าออกนอกผ้าห่มเลย น่ากลัวยังไงไม่รู้ เดี๋ยวมีตัวอะไรมาจับขา จะทำยังไงล่ะ
– เวลากินข้าวจะกินกับข้าวให้หมดทีละอย่างๆ กินพร้อมกันทีเดียวไม่เป็นน่ะ
แปลกเรอะ
– เป็นคนขี้เสียดาย ชอบเก็บของที่น่าจะใช้ได้อีกเอาไว้
– แต่พอทำความสะอาดขึ้นมาก็จะโยนทิ้งเอาง่ายๆ
– ถึงไม่อ่านคู่มือการใช้สินค้า แต่ก็รู้วิธีใช้คร่าวๆ
– ของใช้ส่วนใหญ่จะอยู่รอบๆที่นอน
อย่ามายุ่งกะตู
– ถ้าซื้ออะไรมาใหม่ จะอยากแกะกล่องแกะซองออกทันที
เห่อ
– เวลาเดินทางไปไหนมักจะพกข้าวของสำหรับฆ่าเวลาไปด้วย
แล้วก็ฆ่ากล้ามเนื้อไหล่ด้วย
– สามารถใช้เท้าหยิบของได้ ใช้ได้คล่องมากด้วย
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ไร้สาระเนอะ 

งานหนังสือ 2/2552

เป็นงานหนังสือครั้งที่ 2.5 หลังมีเงินเดือน(คือคราวที่แล้วไม่ว่างเลยได้แวะไปเหยียบแป๊บเดียว) 
มีเวลาไปแค่ 2 ครั้ง ประมาณ 7ชม.(รวมเวลากินข้าว)
พอให้เดินได้แค่บูธละรอบเดียวเท่านั้นเอง
ปีนี้ไม่ได้ทำลิสต์หนังสือที่เล็งเอาไว้ เลยซื้อค่อนข้างมั่ว
ผลสรุปคือหนังสือที่อยากได้ก็ไม่ครบ ส่วนหนังสือที่ไม่ได้คิดจะซื้อนี่เต็มไปหมด T_T
หนังสือที่บ้าซื้อในคราวนี้คือ non-fiction แนววิทยาศาสตร์ทั้งหลาย กับประวัติศาสตร์ สังคมอีกนิดหน่อย (ทำไมตอนเรียนสังคมมัธยมตูไม่รู้จักตั้งใจฟัง)

หนังสือออกใหม่ที่น่าตื่นเต้นของช่วงนี้
หนังสือแปล
กัลลิเวอร์ผจญภัย, โรบินฮู้ด, โรบินสัน ครูโซ  สนพ.แสงดาว พิมพ์ใหม่ ปกใหม่..สวยโฮกกกกก กรี๊ดมาก 
สำนวนแปลของ อาษา ขอจิตต์เมตต์
> Diary of Wimpy Kid เล่ม 2 .. แปลต่อแล้ว! เป็นเล่มที่ดีใจที่สุดในงานนี้เลย.. ดีนะที่ยังไม่ได้ซื้อภาษาอังกฤษมา ฉบับปกแข็งของไทยน่ะถูกดีแล้วก็แปลตลกดี ..ขอให้สนพ.แก้วกานต์แปลต่อให้ครบด้วยเทอญ
> เรื่องของมิสเตอร์ซอมเมอร์ – Patrick Süskind คนเขียน Perfume แต่เรื่องนี้เป็นคนละแนวกัน
รูปประกอบโดยคนวาดหนูน้อยนิโกลา น่ารักมาก เป็นรูปสีด้วย 
สนพ. lighthouse (บูธที่ซื้อมาขายแพงกว่าบูธอื่น 5 บาทอะ เสียใจ)
Lord of the Flies  สนพ.lighthouse อีกแล้ว รักสนพ.นี้จัง
White tiger โดยสนพ.เพิร์ล แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อฉบับภาษาอังกฤษหรือแปลดี(อังกฤษปกสวยง่ะ)
Graveyard Book – Neil Gaiman (คนเขียน Coraline) หนังสือรางวัลนิวเบอรีปีนี้ ฉบับแปลโดยเพิร์ล ปกไม่ค่อยสวยเลยง่ะ แต่รูปประกอบด้านในเหมือนฉบับ US .. แต่ซื้อฉบับอังกฤษไปแล้วเลยอด T_T
Castle in the Air .. ภาคต่อของ Howl’s Moving Castle เหมือนโดนสะกดจิตให้ซื้อต่อ 
> ซีรีย์ชุด Ender’s Saga 4 เล่มจบภาค (สนพ. Ask media) ไม่รู้ออกครบมานานรึยัง (เห็นเล่ม 1 มานานมาก) อยากอ่านมาตั้งนานแล้ว เห็น ..ว่า
แต่ปกไทยของซีรีย์นี้แต่ละเล่มยังกะเป็นคนละแนว -_-"
> หนังสือแปลของสนพ.หนึ่งก็ออกใหม่น่าสนใจหลายเล่ม
Collapse – Jared Diamond (คนเขียน ปืน เชื้อโรค และเหล็กกล้า กับชะตากรรมของสังคมมนุษย์) แปลไทยแล้ว เย้ ..หนามากกก
เป็น non-fic เกี่ยวกับการล่มสลายของอาณาจักรต่างๆของโลก
> ชุด Introducing ของมูลนิธิเด็ก ออกใหม่หัวข้อ science, Mathematics, Genetics, Evolution
หนังสือไทย
> ชุด edutainment essay ของ วรากรณ์ สามโกเศศ ออกต่อแล้ว เย้ เล่ม 06, 07
> หนังสือเกี่ยวกับการ์ตูนเล่มใหม่ของ นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์.. Cartoonอินเตอร์ที่รัก 
Once Upon Sometimes  การ์ตูนเล่มใหม่ของ ทรงศีล ทิวสมบุญ เกือบหาไม่เจอ ทำไมรวมเล่มคอลัมน์จากอะเดย์ไปรวมเล่มกับอมรินทร์หว่า (นิ้วกลมก็ออกหนังสือใหม่กับมติชน ขยายตลาดเหรอ?)

wishlist ที่ขาดหายไป
> ไทยจัง – นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ และ ชาคร ไชยปรีชา .. อยากอ่านมากกก ติดใจความตลกเหียกของนวพลจาก’ที่โรงภาพยนตร์ไกลบ้านคุณ’ 
วันที่ไปไม่รู้ยังไม่ออกหรือขายหมดไปแล้ว ไม่เห็นเลยสักร้าน T_T
> กรรมสุตรา – ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา .. ทำไมไม่เห็นอ้ะ! หรือว่าเหมือนเล่มข้างบน
> Openbook reviews เล่ม 2 .. 
> ลืมกลับไปบูธ GM  หลังไปกดเิงินซะสนิท
> มีอีกแต่ตอนนี้นึกไม่ออก 
อื่นๆ
The Host ของ คนเขียน Twilight ไปอยู่สนพ.เนชั่น แปลกดี
– เซ็งอมรินทร์ลดแค่ 15% ไม่ว่าหนังสือจะออกมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม (ไม่นับ shock zone ที่ส่วนใหญ่จะช็อกจขบ.เพราะมีแต่หนังสือที่ซื้อไปในราคาเกือบเต็มT_T) ไม่คุ้มกับการแบกเดินในงานเลย เอากำลังไปซื้อสนพ.อื่นดีกว่า เพราะยังไงก็มีบัตรคิโนะลด 10%อยู่แล้ว
freeform .. ช่วงหลังๆราคาแพงจัง (ราวกับว่าราคาที่ลดแล้วคือราคาปกที่แท้จริง) 
ยิ่งมาเห็นโฆษณาด้านในปกหลังหนังสือที่บ้านว่าสั่งซื้อกับสนพ.ครบ 500 ได้บัตรสมาชิกลดตั้ง 25% ก็ยิ่งนอยด์
เศร้าเพราะซื้อที่บูทไปตั้งเกือบพัน แต่ไม่ได้อะไร 
(ถ้าตอนนั้นรู้ก็ยังไม่ซื้อหรอก เก็บไว้สั่งทางไปรษณีย์ดีกว่า เหอะ แต่ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรให้สั่งซื้อแล้วล่ะ)
a book .. ตอนเข้าถึงหนังสือได้นี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชั้นจะมีวันนี้! ปกติจะได้แต่ยืนก่นด่า่วัยรุ่นอยู่วงนอก แล้วตัดใจไปซื้อที่ร้านหนังสือทั่วไปก็ได้ฟะ (สุดท้ายมักไม่ได้ซื้อเลยไม่ว่าจากไหนก็ตาม)
ตั้งใจจะไปซื้อแค่เซ็ทบิ๊กบุญ (ที่ ‘เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็เช้า’ ดันหมดซะนี่ .. เพิ่งเริ่มงาน2-3วันเองอะ .. ชื่อหนังสือก็นะ.. ถึงจะจำได้แต่ไม่อยากพูดออกมาเลย! ให้ตายเถอะกล้วย! เลยแกล้งไม่รู้จักแล้วให้พนักงานเอาป้ายโฆษณามาให้ชี้แทน 555)
แต่..ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับข้าพเจ้า ยังกับโดนสะกดจิตหรือโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาไปชั่วครู่.. เลยซื้อ ดาวหางเหนือทางรถไฟ – ทรงกลด บางยี่ขัน มาด้วยอย่างงงๆ  เพราะรูปถ่ายจีนและรัสเซียแท้ๆ …งึมงำๆ 
– ได้หนังสือแถมจากสนพ.คบไฟ เล่มนึง .. งงๆกึ่งขี้เกียจแบก(แต่ก็ดีใจเล็กน้อย) พอมาเปิดดูว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศอินเดียก็เปลี่ยนเป็นดีใจมาก หนังสือชื่อ เงาอดีต (Sunlight on a Broken Column) – Attia Hosain
– เดี๋ยวนี้นิยมแถมหนังสือกันเนอะ 
ที่จริงอยากให้ลดมากกว่านะ ไม่อยากได้หนังสือที่ไม่อยากอ่านกลับบ้านเพิ่มน่ะ
– ในที่สุดก็ซื้อ The Luxe ภาษาไทย ..เพราะฉบับภาษาอังกฤษแต่ละร้านวางปกคนละเวอร์แล้วก็มีไม่ครบด้วย ขี้เกียจหา แต่หวังว่าจะออกต่อจนครบนะ T_T
– ประทับใจพนักงานบูธนึง.. เมื่อก่อนจขบ.เคยเป็นคนบ้าเลือกหนังสือ จะะซื้อทีต้องพิถีพิถันตรวจดูเป็นทั้งกองแล้วเลือกเล่มที่ดีที่สุด 
แต่หลังจากโดนคนที่ยืมหนังสืออ่านทำร้ายหนังสือแล้ว ความขี้เกียจก็เข้าครอบงำ เลือกดียังไงก็มีคนเอาไปทำเสื่อมอยู่ดี -*-
พนักงานคนนี้รับหนังสือที่จขบ.ยื่นจ่ายเงิน แล้วถามด้วยความกระตือรือร้นว่า "พี่เลือกหนังสือรึยังคะ..เดี๋ยวเลือกให้นะคะ"
จขบ.เอ๋อมาก งงว่าหนังสือที่ตูหยิบจ่ายมันไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิด มันก็ดูโอเคนี่นา
พนักงานก็ก้มหน้างุดๆเลือกจากทั้งกอง(ที่ก็ดูโอเคทั้งกองไม่รู้ต่างกันตรงไหน) ส่องตรวจทุกมิติของแต่ละเล่ม
เห็นแล้วนึกถึงตัวเองในสมัยก่อน.. 
ในที่สุดพนักงานคนนั้นก็ได้เล่มที่พอใจ หันมายิ้มอย่างพอใจ และเอาไปคิดเงินอย่างพอใจ
โอ! นานๆจะเจอพนักงานขายที่ดูรักหนังสือขนาดนี้
– ตลกดี บางบูธพอปลายเล็บแตะโดนหนังสือปุ๊บ เสียงเล่าเรื่องย่อก็จะดังขึ้นมาทันที .. มันช่างหลอนเหมือนมีลำโพงอัตโนมัติติดไว้
(แต่ตอนเอามือออกเสียงไม่รู้จักหยุดอย่างอัตโนมัติแฮะ)
– และเมื่อพนักงานเริ่มท่องเรื่องย่อให้ฟังแล้ว ก็ต้องหยุดยืนฟังให้จบ เพราะสงสารพนักงานที่อุตส่าห์ท่องจำมาอย่างดี
– อยากจะแปะป้าย do not disturb ไว้บนหน้าผากซะเลย สำหรับคนมีปัญหาขี้เกียจฟังอย่างจขบ.
– พนักงานบางคนหวังดี บอกว่า "เล่มนี้จบเศร้าด้วยนะ" .. ไม่ต้องบอกจะดีกว่านะ อยากรู้เองเวลาอ่านอะ ได้มั้ย
– ที่น่ารำคาญที่สุดคือ เวลาเลือกเสร็จแล้วยื่นจ่ายเงิน จะมีคำถามต่อว่า "แล้วไม่รับเล่มนี้ด้วยเหรอคะ" ..มักง่ายไปมั้ย!
สรุปจำนวนหนังสือ : ทั้งหมด 67 เล่ม + ได้แถมฟรี 3 เล่ม + นิตยสาร 1 เล่ม

ไอ้สุนัขที่รัก…

1
เย็นอันสงบสุขเย็นหนึ่ง ณ บ้านไร่ชายทุ่ง(เลย)แถบชานเมือง
สารคดีสัตว์ที่อยากดูกำลังจะมาพอดี ข้าพเจ้าเตรียมน้ำดื่มมานอนเอนกายบนโซฟาอย่างสุนทรีย์
ทีวีเริ่มมีภาพสัตว์อันน่ารักขึ้น
ประตูบ้านก็ถูกดันเปิดเข้ามา 
..สัตว์ในชีวิตจริงโผล่เข้ามาแล้วครึ่งตัว..
ต้องยอมสละโซฟา กระโจนไปปิดประตู  ทันแค่ตัวเดียวเอง 
หมูที่หน้าตาคล้ายๆบางแก้วบุกเข้าบ้านสำเร็จแล้ว!
หมูที่หน้าตาคล้ายๆบางแก้ว (ไม่มีภาพเหตุการณ์จริง เพราะกำลังคับขัน)

ถึงตอนนี้นน.เราแทบจะมากกว่าผู้ชายแล้ว แต่ยังไงก็มั่นใจว่าตูผอมกว่าไอ้หมาอ้วนตัวนี้แน่!
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อก่อนตัวมันเท่าตัวที่เราเคยจับกลิ้งลงบล็อกเอง 






แต่บางทีก็คล้ายสิงโตนะ



พินาศแล้วมั้ยล่ะ ต้องรีบตะปบมันไว้(หรือให้มันตะปบ) ..ก่อนที่บ้านจะกลายเป็นสวนสนุกให้มันพังข้าวของเล่น ตอนนี้บนโต๊ะมีอาหารซะด้วยสิ.. แล้วจัดการพามันออกนอกบ้านไปอยู่ส่วนหมาซะ 
..โธ่ รายการทีวีแสนสงบสุข 
.
(ผ่านไป 5 นาที)
.
.
อุ้มไม่ไหวว้อยยยยยยย
(กลายเป็นมันลากเราไปแทน .. อืมๆไว้เดี๋ยวเสร็จงานนี้แล้วจับไปฝึกเป็นหมาลากเลื่อนดีกว่า)
ผลักก็แล้ว ดึงก็แล้ว ..ไม่ขยับเลย
ดูมันยังจะมาทำเป็นนอนเนียนไม่รู้เรื่องอีก
ตะโกนเรียกพ่อให้มาช่วยจับ.. ไม่มีเสียงตอบ! พ่อออกไปวิ่งนอนบ้านแล้ว T_T แงทำไงดี อยากดูทีวี แต่ต้องนั่งลูบปลอบหมาไปเรื่อยๆ ทำให้มันพอใจไม่วิ่งไปหาของกินซะก่อน
นั่งปลอบอยู่พักนึง พ่อก็ยังไม่กลับมาซะที หมาคงเริ่มเบื่อ(คนก็เบื่อ)เลยถือโอกาสวิ่งหลุดมือไป T_T 
ไหนๆมันก็เข้าสวนสนุกไปได้แล้ว ออกไปเรียกพ่อมาช่วยอุ้มออกดีก่า 
เปิดประตูรั้วหน้าบ้านออกไปหาพ่อ แต่พ่อไม่ได้วิ่งอยู่แถวหน้าบ้านแฮะ ไม่รู้ไปวิ่งไกลแค่ไหน วิ่งตามหมาในบ้านต่อก่อนละกัน
ข้าวของยังอยู่ดี แต่ไอ้อ้วนไม่รู้หายไปบุกเบิกถึงไหนแล้ว T_T
ครืดดดดด.. เสียงประตูรั้วหน้าบ้านเลื่อน พ่อกลับมาแล้ว เย้!
ทำไมพ่อเดินนานจังไม่เข้าบ้านสักที 
ชะโงกหน้าออกไปดู.. ไม่เห็นมีใครเดินเข้าบ้านมาเลย อ้าว! .. แต่ประตูรั้วเลื่อนเปิดค้างไว้
หมาตัวเล็ก หายไปแล้ว ! 
วิ่งออกไปข้างนอกแล้วแน่ๆ T_T
(เดี๋ยวนี้บ้านเราจะไม่ให้หมาออกนอกบ้าน เพราะเมื่อก่อนให้ออกได้ แล้วมันไปโดนยาเบื่อชาวนาชาวไร่แถวนี้ตายไป"เจเนอเรชันนึง"แล้ว)
เมื่อกี๊เราปิดประตูดีแล้วนะ เหลือช่องแค่ 2-3 เซนเอง เดี๋ยวนี้มันมีแรงขนาดเปิดประตูรั้วเองได้แล้วหรอฟะ!
นั่นไงล่ะ หางขาวๆกระดิกดิ๊กๆไปถึงโน่นแล้ว T_T
กรี๊ด ทำไงดี!  อีกตัวซนอยู่ในบ้าน อีกตัวซนอยู่นอกบ้าน กรูจะทำยังไงดี !?
ยังไงก็ต้องทิ้งตัวในบ้านไว้ก่อน เดี๋ยวตัวเล็กจะวิ่งออกไปไกล
นู่น..พ่อวิ่งกลับมาพอดี เลยตะโกนให้พ่ออุ้มกลับบ้าน
เสร็จไปหนึ่ง
พอได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วข้างนอก ตัวอ้วนในบ้านเลยรีบวิ่งออกจากบ้าน ..กะจะออกไปวิ่งเล่นข้างนอกบ้างละสิ 
แต่ไม่ทัน ฮ่าฮ่า
ทุกอย่างกลับสู่ปกติ (อย่างง่ายดายสิ้นดี)
2
กลับมานั่งดูสัตว์ในทีวีต่อ 
ส่วนสัตว์สองตัวนอกทีวีกำลังพยายามพังประตูมุ้งลวดอย่างเอาเป็นเอาตาย หนกขูมาก 
ไปปิดประตูไม้บานใหญ่ดีกว่า
ท่านผู้อ่านคงนึกภาพประตูบ้านทั่วไปที่มีสองชั้นออก ประตูเหล็กดัดชั้นในเปิดเข้าบ้าน กับประตูไม้ชั้นนอกเปิดออกนอกบ้าน
การจะปิดประตูไม้ชั้นนอกเข้ามา ต้องดันไอ้พวกตัวยุ่งนี้ให้พ้นจากทางเท้าก่อน ไม่งั้นก็เหมือนโกยพวกมันเข้าบ้าน
แต่เราซูโม่สู้แรงไอ้ตัวหมูควายไม่ไหว มันวิ่งเข้าบ้านได้อีกแล้ว!
พ่อจ๋า ช่วยด้วย !
อ้าว.. พ่อออกไปวิ่งต่ออีกแล้ว ..แง
แผนเดิมลูบพุงให้มันสบายใจ คราวนี้ยิ่งใช้ได้แป๊บเดียว
ตูอุ้มมันไม่ไหวจริงๆ T-T
คราวนี้ดิ้นหลุดมืออย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไปเลย!
(หมาอ้วนทำไมวิ่งขึ้นบันไดเร็วงี้วะ)
วิ่งตามขึ้นไปตะปบมันทันตรงขั้นบนพอดี 
ห้องพ่อแม่กะน้องปลอดภัย เพราะปิดประตูไว้ แต่ห้องเราอะดิ เพิ่งจัดของเสร็จเมื่อกี๊เอง โน้ตบุคก็ยังอยู่บนพื้น T-T
นั่งปลอบประโลมหมาอยู่บนบันไดขั้นบนสุดอยู่เกือบ 10 นาที
ร้อนมากกก ตรงนี้ไม่มีพัดลม .. แง เมื่อไหร่พ่อจะกลับมา
ไอ้หมูควายทำท่าจะวิ่งเข้าห้องน้ำ
เลยคิดแผนชั่วออก ..หึหึ
อยากวิ่งนักวิ่งไปเล้ย 555 ..เข้าห้องน้ำไปเลย ..บ๋ายบี
ตูจะขังเอ็งไว้ในห้องน้ำนี้อย่างนี้แหละ! จนกว่าพ่อจะกลับมา อยู่ในนั้นคงไม่มีอะไรเสียหายได้มาก
ออกไปตามพ่อดีกว่า
กลับมา เสียงหมาร้องอี๊ดๆๆๆๆกังวานมาจากชั้นบน ..จากแถวๆห้องน้ำ 
เอ..ตูขังหมาไว้นี่หว่า! (ออกไปข้างนอกนานไปหน่อย)
ป่านนี้มันคงใกล้เป็นบ้าไปแล้ว  
มันจะเครียดจนเอาหัวโขกกำแพงตายไปรึยังวะ ..เริ่มเป็นห่วง
พอประตูห้องน้ำเปิดเท่านั้น 
โหย มันรีบวิ่งลงข้างล่างแซงตูออกนอกบ้านลืมสนุกไปเลยล่ะ
555 ฉันชนะ
เทียบขนาดตัวให้เห็นจะจะ 
ไอ้ตัวเล็ก..ที่จริงคือหมาขนาดธรรมดา แต่ดันมีชะตากรรมต้องมาร่วมชายกรงกับไอ้สิงโตเลยกลายเป็นไอ้จ้อยไป
………………………………………………………………………………..
 
เย็นวันรุ่งขึ้น พ่อออกไปวิ่งลืมปิดประตูไม้อีกแล้ว 
คราวนี้เป็นไอ้ตัวเล็กผ่านด่านนินจา warrior เข้ามาบ้านสำเร็จ
มุ่งตรงสู่ชั้นสอง!
เออ..เก่งกันเข้าไป
เอาเล้ย เชิญ..เดี๋ยวจะต้อนเข้าห้องน้ำให้เข็ดอีกตัว
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน (ไงล่ะ วิ่งจุกตูดออกจากห้องน้ำมาแล้ว)
จนกระทั่ง..
มันลงบันไดไม่เป็น!
แล้วเอ็งจะขึ้นมาทำหมัดอะไรคะ  ..เจ้าของเครียด -*-
ลำบากตูอีก ต้องอุ้มลงบันได .. อย่าดิ้นล่ะ เดี๋ยวก็ได้กลิ้งตกบันไดทั้งคู่หรอก
กลัวความสูงก็ไม่บอก -_-"

แนะนำตัวละคร



บ๊อบ 
บางแก้วเถื่อน
..ตัวใหญ่แบบนี้ แต่ขี้เล่น ชอบกระโจนเข้าหาด้วยความรักใคร่ จนผู้ได้รับความรักต่างล้มกระเด็นกันไปคนละทิศ


หนูปุ๊ก
หมาสาวไทยใจอิสระ (บางแก้วเถื่อนเช่นกัน)
..เกลียดไอ้ตัวใหญ่มาก โดนแย่งแ_กตลอด 

ทริปญี่ปุ่น(1) : เที่ยวไปตามใจทัวร์.. นารา เกียวโต

 

ทริปต่างประเทศครั้งแรก!
ในที่สุดก็ได้ไปด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรง(น้ำตา)ของตัวเอง ..ภูมิใจสุดๆ

ที่จริงอยากแบ็กแพ็กไปเองเลย แต่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนเลยเริ่มป๊อด
แต่ถ้าไม่ได้เดินเที่ยวโตเกียวเองนี่ ตูไม่ไปเลยดีกว่า!
เพราะสำหรับเรา  ญี่ปุ่น=โตเกียว ..เท่านั้น!
เลยออกมาเป็นทริปไปกับทัวร์ แล้วอยู่เที่ยวเองที่โตเกียวต่อ!

เป็นทัวร์ทั่วไป ที่พาเที่ยวแถบคันโต(ภาคตะวันออกของญี่ปุ่น)รวมถึงจังหวัดโตเกียว
ซึ่งก็ดีเหมือนกันจะได้เที่ยวจังหวัดอื่นด้วย(เพราะยังไงก็อยากไปอุทยานฮาโกเน่ ที่มีภูเขาไฟฟูจิ) ถ้าไปกันเองมีหวังมัวเมาอยู่แต่ในโตเกียว 555

 


 

วันแรกที่ญี่ปุ่นขอเรียกว่าเป็นวันแห่งวัด เพราะไปตั้ง 3 วัดแน่ะ

ตอนเช้ามาถึงสนามบินคันไซ .. ที่สร้างจากการถมขยะกลางทะเล  มีรันเวย์อยู่ติดทะเล (ตอน landing เหมือนกับจะลงจอดบนทะเลเลยล่ะ)
ตอนเห็นภาพแผ่นดินและผืนทะเลจากหน้าต่างเครื่องบิน.. ยังไม่อยากเชื่อเลยว่า นี่คือญี่ปุ่นแล้ว ดูจากด้านบนก็เป็นเกาะและต้นไม้ธรรมดาๆ (แต่ประเทศไทยไม่มีเกาะหน้าตาแบบนี้นี่นะ ใช่มั้ยๆๆ เราไม่ได้นั่งเครื่องบินอยู่กะที่ 4 ชม.หรอกนะ)
จนกระทั่งเห็นซากุระต้นแรกสีชมพูอ่อนกลมๆแซมอยู่ในหมู่ต้นไม้ตามภูเขา! (ที่นี่ญี่ปุ่นจริงๆด้วย .. ญี่ปุ่นแน่ๆเลย)
ถัดจากป่าแล้ว เป็นแถบที่พักอาศัย แต่ละเกาะดูเหลี่ยมๆไปหมด และมีเส้นตรงพาดไปพาดมาระหว่างกัน .. ก็คงจะเป็นเกาะและถนนที่สร้างจากขยะอีกละมั้งถึงเหลี่ยมได้ขนาดนี้

ก่อนจะดีใจได้ว่ามาถึงญี่ปุ่นแล้ว ต้องรอลุ้นให้ผ่านตม.(ตรวจคนเข้าเมือง)ก่อน
ตอนนี้ยังอยู่ในอาคารเลยไม่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ตปท. แต่ดูหน้าพนักงานรอบๆแล้วเหมือนอยู่ตปท.ดี (พนักงานชายญี่ปุ่นนี่ดูดีแฮะ แหะๆ .. มีคนนึงเหมือนคาราซึมะคุง จาก school rumble เลย)

แล้วก็ออกมาขึ้นรถบัสที่จะไม่ได้แวะจอดในโอซาก้าอีกเลย
มุ่งหน้าทำเวลาตามตารางกันลูกเดียว

โอซาก้าที่เห็นเป็นเมืองอุตสาหกรรมสะอาดๆ
ชอบท่อใหญ่ๆดูสนิมๆมีควันพวยพุ่ง.. ดูเหมือนฉากใน steamboy ดี
เมืองนี้ค่าครองชีพสูงรองจากโตเกียวเลยนะ  

นั่งรถผ่านปราสาทโอซาก้า! (สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เราอยากเห็น เพราะสมัยเด็กเคยกระโดดขึ้นลงบ่อยๆตอนเล่นเกมนินจา  แต่ไม่มีในทัวร์!) 
..แต่ก็ผ่านแบบไม่ไกลมากหรอกนะ T_T
หลังคาสีเขียวอ่อนแปร๋นมาก.. เพิ่งทาใหม่รึเปล่าเนี่ย?

 หลับไปสักพักก็มาถึง เมืองนารา อันเงียบสงบ
..ถึงสถานที่แรกตามตารางทัวร์

 ——————————————————————————–

วัดโทไดจิ

มีอาคารไม้หลังใหญ่ที่สุดในโลก ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึ
เห็นจากรูปทีแรกแล้วดูธรรมดา แต่ของจริงใหญ่โตดูขลัง สวยงามมาก

 

 

 

จุดเด่นของวัดนี้คือฝูงกวาง
ตลกมากตอนนั่งหาทัวร์
แต่ละทัวร์จะบอกปริมาณกวางในบริเวณวัดไม่เท่ากัน
– ฝูงกวางกว่าพันตัว ..
– ฝูงกวางกว่าร้อยตัว ..
– ฝูงกวางกว่าหมื่นตัว … เวอร์ไปมั้ยอะ!
ส่วนทัวร์ที่เราไปบอกว่ามีกว่าร้อยตัว

ถามว่าแล้วจริงๆมีกี่ตัว ..
เห็นอยู่ไม่กี่สิบตัวเอง แต่กวางไม่ได้มีอยู่แค่ในบริเวณวัดนะ ยังมีเพ่นพ่านอยู่บริเวณรอบๆด้วย ซึ่งเราไม่ได้ไปเดิน

กวางที่นี่จะดูเป็นกวางเรื้อนไปหน่อย ขนจะดูแข็งๆร่วงเป็นหย่อมๆ เขาก็กุด
.. แต่ก็ยังน่ารักดีนะ

 

                                                            กวางในอิริยาบถต่างๆ

 

วัดที่มีสัตว์ก็ต้องคู่กับการทำบุญด้วยการซื้ออาหารเลี้ยงสัตว์
ที่นี่มีขนมเซมเบ้ขายไว้เลี้ยงกวาง อารมณ์ขนมปังเลี้ยงปลาบ้านเรา (แต่ปลามันรีบพุ่งไปจวกตั้งแต่ยังไม่ซื้อแบบนี้ไม่ได้หรอก -_-")
ส่วนเราไม่ได้เลี้ยง  ถ้าซื้อขนมแพงขนาดนี้(ประมาณ 1000 เยน)  กินซะเองดีกว่า!

            ถ้ากวางมีเขาคงกระซวกแย่งเอาเซมเบ้มากินทีเดียวหมดแล้ว

 

 

                                 มันเผาร้อนๆ..สำหรับคน

 

 

 

                                                               ภาพวิหารใหญ่ มองจากด้านหน้า

 

ภายในวิหารใหญ่ยังมี..

– มีจัดแสดงงานแกะสลักไม้ไว้รอบๆ พระประธาน

– มีคนต่อแถวยาวมาก เพื่อลอดรูที่พื้นเสาต้นหนึ่ง เชื่อกันว่าถ้าลอดสำเร็จคำอธิษฐานจะเป็นจริง
ว่ากันว่าขลังถึงขนาด  มีผู้ชายตัวใหญ่ลอดผ่านได้และผู้หญิงลอดผ่านไม่ได้มาแล้ว
แต่ตามประสบการณ์ไกด์.. สำหรับเด็กญี่ปุ่นดูอาจจะเป็นเรื่องโจ๊กที่เพื่อนกระโปรงเปิดหรือไว้แกล้งเปิดกระโปรงเพื่อนได้ด้วยนะ -_-“

– มีร้านขายของที่ระลึก
ตามสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น นิยมนำสัญลักษณ์มาทำเป็นของที่ระลึกขาย
ของที่นี่เป็นตุ๊กตากวาง

                                 หน้าแบบนี้นี่คือกวางนะ

 

 

 ที่จริงของขายส่วนใหญ่เป็นเครื่องราง ฯลฯ .. แต่เราสนใจแต่พวกนี้ (รีบแอบถ่ายต่อหน้าคนขายเลยเบลอ -_-)

 

 

 

รูปประตูด้านทิศใต้ .. มีคนเดินตัดหน้าตอนถ่าย แต่ไม่เป็นไรให้อภัยเพราะหน้าตาดี 55

 

 

 


                                             ซากุระบานอยู่ต้นหนึ่ง เป็นดาราของวันนี้

 

 

——————————————————————————–
เกียวโต

เข้าสู่เขตเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น
ฝ่ารถติดเพื่อไปชมมรดกโลก 2 แห่งในเกียวโต
มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์อยู่หลังกำแพงโผล่ให้เห็นแต่หลังคา และบ้านแบบญี่ปุ่นโบราณเป็นระยะๆ

วันที่ไปเป็นวันอาทิตย์พอดี ประกอบกับรัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจเลยลดค่าทางด่วน(ลดเยอะจัดประมาณสิบกว่าเท่า) คนญี่ปุ่นเองจึงมาเที่ยวเยอะมากกก
แต่มีหรือจะสู้รถติดของไทยได้
แล้วก็มาถึงมรดกโลกแห่งแรกของทริปนี้

 

ปราสาทคินคาคุจิ (ปราสาททอง)

ปราสาทสีทองกับสระน้ำที่เค้าว่าใสและนิ่งสะท้อนภาพเหมือนกระจกเงาเห็นเป็นปราสาทสองหลัง

 

จำรายละเอียดที่ไกด์อธิบายไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าจริงๆจะไม่เกี่ยวกับอิคิวซังอย่างที่ว่ากัน (แต่เป็นแผนการตลาด?)
และทองที่ว่าคือทองคำเปลว(จะเหมือนของประเทศไทยมั้ยนะ?) แถมเคยโดนเผาไปแล้วครั้งหนึ่ง ที่เห็นนี่ซ่อมใหม่
(อืม ดูเหมือนเราจะไม่ค่อยได้สนใจฟังไกด์เลยนะเนี่ย ..ว่าแต่เราจะกลับไปซื้อช็อกโกแลตนุ่มที่เดินผ่านมาเมื่อกี๊ดีมั้ยนะ อร่อยดี แต่ตั้ง 1,000 เยนแน่ะ จะมีเจ้าอื่นอีกมั้ยอะ  จะเดินวนกลับไปเจอเจ้านี้อีกมั้ยหว่า)
และรู้สึกจะมีปราสาทเงินที่อื่นด้วย แต่ก็โดนเผาไปไม่เหลือแล้ว
(ปราสาททองแดงนี่มีรึเปล่าไม่ได้ฟัง 55)

เดินวนๆรอบสถานที่ตามคนอื่นไปเรื่อยๆอย่างมึนงง ไม่ได้ยืนละเลียดชม เพราะคนข้างหลังรอถ่ายรูปเต็มไปหมด
ตอนที่ถ่ายรูปมีลมพัด น้ำเลยไม่นิ่งเท่าไหร่

 


วัดคิโยมิสึ หรือวัดน้ำใส

รถบัสไต่ขึ้นเขาอย่างรถติดและทางแคบมากกก (แต่ก็เลยเห็นเกอิชาหรือไมโกะเนี่ยแหละ เห็นไม่ชัด ยืนอยู่ในร้านอะไรซักร้านนึงด้วยล่ะ)
จากที่จอดรถ ต้องเดินผ่านถนนสายกาน้ำชาขึ้นไปก่อนถึงจะเจอวัด
ถนนที่มีร้านค้ายั่วยวนตลอดสองข้างทาง
ไกด์ย้ำประมาณสิบรอบว่า ห้ามมมมมมมมมม.. แตกแถวแวะซื้อของก่อนขึ้นถึงวัดเด็ดขาด

วันนี้เป็นวัดเก่าแก่กว่าพันปี ตั้งอยู่บนภูเขา รอบหุบเหว
เค้าว่าเป็นความมหัศจรรย์ที่คนสมัยก่อนสามารถสร้างระเบียงไม้สูงๆรอบหุบเหว แล้วก็สร้างวัดอยู่บนนั้นได้
ระเบียงไม้นี้ไม่ได้ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว เขาสร้างโดยใช้วิธีเข้าลิ่ม (ประโยคแบบนี้คุ้นมาก การจะมหัศจรรย์ได้นี่ต้องห้ามใช้ตะปูสินะ)
สมัยก่อนมีประเพณีความเชื่อว่าถ้าใครกระโดดจากระเบียงนี้แล้วรอดตายคำอธิษฐานจะเป็นจริง แล้วก็ดันมีคนสมัยก่อนไปกระโดดกันจริงๆ
ตามสถิติจริง มีคนรอดตั้ง 80 กว่า % (สันนิษฐานว่าเพราะข้างล่างเป็นแปลงผักนุ่มๆ) แต่ก็แปลว่ามีคนตายอยู่ดี ต่อมาเลยมีกฎห้าม

ในบริเวณวัดยังมี สายน้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สาย ให้เลือกดื่มระหว่างการงาน, ความรัก, สุขภาพ ..
ถ้าโลภดื่มหมดจะไม่สมหวังซักอย่าง!

และยังมี.. ก้อนหินเสี่ยงทายรัก .. ถ้าเดินหลับตาจากหินก้อนแรกไปแตะหินอีกก้อนได้สำเร็จ  ความรักจะสมหวัง
(จริงๆวัดที่ญี่ปุ่นนี่ก็เหมือนสวนสนุกนะ มีอะไรให้ลองเล่นตั้งเยอะแน่ะ)

ทั้งหมดที่ว่ามานี่ไม่ได้เดินไปดูเลย (เพิ่งรู้ว่าตัวเองไปเดินบนระเบียงที่ไม่มีตะปูมา ก็หลังกลับมาอ่านเจอที่ไทยนี่แหละ)
ตอนเดินไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าแต่ละที่ทำไมถึงได้เป็นมรดกโลก -_-“
ที่นี่ถึงกับได้เข้ารอบสุดท้ายเป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่เชียวนะ!
ที่ที่เราเดินผ่านอย่างงงๆเนี่ยแหละ

 

ภาพนี้ถ่ายบนขอบระเบียงไม้ชื่อดัง.. ด้านหลังเป็นทิวทัศน์เมืองเกียวโต
หลังจากถ่ายรูปนี้เราโดนคู่คุณลุงคุณป้าญี่ปุ่นถอยมาชนหน้าคว่ำลงไปกอดเสาค้ำราวระเบียงอันเป็นมรดกโลกนี้มาแล้วนะ!
(คนเยอะขนาดเราล้มยังไม่มีคนเห็น)
พอแทรกหนีตายออกมาจากขอบระเบียงได้ ยังมาเจอคู่รักหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นขอให้ช่วยถ่ายรูปให้อีก (นี่ตูเสียค่าเครื่องบินมาไกลนะ!)

แล้วก็เดินงงกันต่อไปว่าตูอยู่ตรงไหนของวัดวะนี่
ซากุระรอบๆวัดยังไม่บาน..
วนกันไปเรื่อยๆกลับไปออกทางเดิมหน้าวัด..
ไปหายงงที่ถนนสายกาน้ำชา!

ช่างเป็นถนนที่น่ารักคึกคักเสียจริง เต็มไปด้วยร้านขายขนมของฝาก, ของที่ระลึกน่ารักๆ, ยูกาตะ และของกินมากมาย เช่น soft cream, โอเด้ง
ช่วงนี้เข้าหน้าซากุระ ขนมต่างๆก็จะทำไส้ซากุระเพิ่มด้วย
สนุกกับการเดินเนียนชิมขนม(อะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ ทำจากแป้งคล้ายๆโมจิ แต่เป็นแผ่นแบนๆพับเป็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนเกี๊ยวกรอบบ้านเรา) หลากรสตามร้านใหญ่ๆคนเยอะๆที่จะมีวางไว้ให้หยิบชิมได้เอง
ส่วนใหญ่เป็นไส้ถั่วแดง (แง)  แม้จะผสมเป็นไส้ซากุระก็เหมือนกินถั่วแดงกลิ่นซากุระอยู่ดี T-T
พวกเรามีเวลาเดินกันแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากวันนี้คนเยอะมาก ที่จอดรถมีจำกัด จึงมาจำกัดเวลาจอดรถแต่ละคันแทน

 

 

    อาคารอะไรไม่รู้ ดูภูฏานดี (จากในรูปพิสูจน์ว่าที่ญี่ปุ่นใส่ขาสั้นเข้าวัดได้)

 

 


 เขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้แล้วเอาไปแขวน

 

 


        ถ้าได้คำทำนายว่าโชคดีก็เก็บกลับบ้าน ถ้าได้โชคร้ายก็ผูกไว้ที่วัด

 

 

ลืมถ่ายรูปถนนสายกาน้ำชา เพราะต้องรีบวิ่งกลับมาให้ทันรถ
แต่สุดท้ายกรุ๊ปเราก็มีคนมาสายอยู่ดี รถเลยไม่ได้ออกตามเวลา
คุณลงคนขับรถชาวญี่ปุ่นของพวกเรา เลยโดนคนขับรถทั้งฟลอร์ด่ายับเยิน
ไกด์เลยต้องฟังคุณลุงบ่นจนหูชาไปอีกประมาณ 2 ชม.จนถึงที่กินข้าว (พวกเราก็หูชาแต่เป็นแบบแปลไม่ออก .. ฟังออกแต่ ไฮยากุๆๆ ..พวกเอ็งรีบๆกันหน่อยสิฟะ)
เย็นนั้นเลยไปถึงที่กินสายไปด้วย ร้านเนื้อย่างเอาที่ที่จองไว้ให้ลูกค้าคนอื่นนั่งกินไปหมดแล้ว
เลยต้องไปยืนหนาวอยู่หน้าร้านพักใหญ่ (แหม.. โอกาสยืนแกร่วหนาวที่ต่างประเทศหาไม่ได้ง่ายๆนะเนี่ย)

กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็เมื่อยมาก.. แต่ก็ขอเข้าคอมบินิ (ร้านสะดวกซื้อ) เป็นครั้งแรกก่อน
คอมบินิญี่ปุ่นนี่ถึงกับมีดีวีดี moomin ขาย!

 

2551

 
Book 
 
รวม 95 เล่ม (เป็นพ็อกเก็ตบุคการ์ตูน 33 เล่ม เหลือ 62 เล่ม, อ่านซ้ำ 1 เล่ม)
นับพ็อกเก็ตบุคการ์ตูนที่อ่านแป๊บเดียวจบเข้าไว้ด้วยแลดูขี้โกง แต่ราคามันเท่าหนังสือทั่วไปนี่หว่า ไม่ใช่แค่ 40 บาท
 
..ปีนี้เปลี่ยนเป็นโพสต์รูปทุกเล่ม ส่วนเล่มที่โปรดจะมี  กำกับไว้
 
 
 
 

ใครๆก็อยากมีร้านดอกไม้ – ยุวดี ต้นสกุลรุ่งเรือง
ข้อมูลเกี่ยวกับกิจการร้านดอกไม้
-ไม่คิดจะเปิดร้านดอกไม้แน่ๆ แค่อยากรู้ว่าเป็นยังไงน่ะ
 
 
 
 
 

Boy Meets Girl  เจอเมื่อไรหัวใจคลิกรัก – Meg Cabot
นวนิยายชิกลิท เขียนสไตล์อีเมล
– อ่านเรื่อยๆ ไม่กรี๊ด เราว่าเม็กเธอเหมาะกะนิยายวัยรุ่นมากกว่า
 
 
 
 

แจแปน แจแปน – นวรัตน์ เลขะกุล
รวมบทความเกี่ยวกับหลายๆสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น เช่น โทริ ตราประจำตระกูล ของเล่นปีใหม่
-อ่านเพลินใช้ได้ ลงรายละเอียดแต่ละเรื่องได้ดี 
สำนวนผู้เขียนดูเป็นหญิงวัยเริ่มกลางคน ใจดีๆ
 
 
 
 

นิยายนกปากซ่อมดง – กีย์ เดอ โมปัสซ็องต์
รวมเรื่องสั้นฝรั่งเศส ในมื้ออาหารค่ำของกลุ่มผู้ดีนักล่านกปากซ่อมดง จะมีผู้โชคดีคนเดียวได้กินส่วนหัวแสนอร่อยทั้งหมด แต่ผู้นั้นต้องมีเรื่องเล่าทดแทน ซึ่งก็คือแต่ละเรื่องสั้นในเล่มนี้
– ออกแนวโหดร้าย ตลกร้ายหน่อยๆ ตามสไตล์วรรณกรรมฝรั่งเศส(เท่าที่เราเคยได้อ่าน)
 
 
 
 

เอกภพ สรรพสิ่ง และมนุษยชาติ – รอฮีม ปรามาท
รวมบทความแปลวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ..ตามชื่อหนังสือนั่นแหละ
– อ่านไม่ยาก หนังสือวิทยาศาสตร์แนวนี้ชื่อฟังดูซ้ำๆกัน แต่ที่จริงเนื้อหาก็ไม่เหมือนกันหรอก มีอะไรให้พูดถึงเยอะเลย
 
 
 
 
รหัสดนตรีพลิกวิถีโลก Music that Change the World – วีระ สมบูรณ์
เรื่องราวของดนตรีและนักดนตรี ตั้งแต่แจ๊ซ ร็อค จนถึงดนตรีของชนเผ่า และนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ฯลฯ
– อ่านแล้วอยากลองฟังดนตรีของชนเผ่าต่างๆดูบ้าง
 
 
 
 

 

เหมาโหลถูกกว่า (Cheaper by the Dozen & Belles on Their Toes) – Frank B. Gilbreth, Jr & Ernestine Gilbreth Carey
นวนิยาย
– เป็นเรื่องแนวครอบครัวแสนวุ่นวายและแสนสุขที่สนุกมาก ครบรสตลก ประทับใจ ผจญภัย
 
 
 

ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา (All I Really Want to Know I Learn in Kindergarten, It Was On Fire When I Lay Down On It , Un-oh: Some Observations from Both Sides of the Refrigerator Door) – Robert Fulghum
เรื่องราวรอบตัวของผู้เขียน ผู้ดูเป็นคุณลุงใจดีน่ารัก เรื่องเลยออกมาน่ารัก
เมื่อก่อนอ่านแล้วเฉยๆ แต่พอผ่านชีวิตมาระยะหนึ่ง คนนี้นี่แหละนิสัยน่ารักแล้ว 
 
 
 

จิตพิกล คนพิลึก – ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ
– รวมเรื่องพิลึกของจิตมนุษย์ แต่ละเรื่องน่าสนใจมาก เสียดายว่าสั้นๆไปหน่อย อยากให้มีคำอธิบาย&ค้นคว้ายาวๆประกอบจะเยี่ยมมาก(เหมือนโลกจิตของแทนไท) แต่สงสัยหัวข้อในเล่มนี้อาจยังไม่มีคำอธิบายก็ได้
 
 
 
 

ความรักของสาวเอลิสต์ (The A-List) – Zoey Dean
นวนิยายวัยรุ่นไฮโซอเมริกัน
– อ่านแล้วไม่อยู่ในสมองสุดๆ จนหยิบมาอ่านซ้ำไม่รู้เรื่องรอบ 2 ในปีเดียวกัน ดังจะกล่าวต่อไปด้านล่าง!
 
 
 
 

  

Nine Lives – ทรงศีล ทิวสมบุญ
– สวยงามทั้งเนื่อเรื่องและรูปประกอบ เพิ่มความลำเอียงเพราะชอบแมวเข้าไปด้วย
– ปกสวยโคดดด(ฉบับพิมพ์ครั้งแรกที่ปกสีขาว) ตามหาอยู่ตั้งนาน พอปลายปีก็พิมพ์ครั้งที่ 4 กลับมาเป็นปกขาวอีก -_-"
 
 
 
 

Mud01 – รวมนักวาด
นิตยสารการ์ตูนไทยรายสามเดือน เรื่องสั้นสยองขวัญ บทสัมภาษณ์ และบทความเกี่ยวกับการ์ตูนที่น่าสนใจ
– การ์ตูนสนุกดี บทสัมภาษณ์และบทความก็น่าสนใจ 
ไม่ค่อยชอบใจที่หลายๆเรื่องดูเอามาลงเพราะผู้เขียน (เช่นเรื่องของวินทร์ ที่วินทร์เองยังบอกเลยว่ามันไม่ค่อยดี  หรือผู้วาดที่เป็นเด็กประถม สงสัยจังว่าถ้าลายเส้นและเนื้อเรื่องแบบนี้วาดโดยผู้ใหญ่ เค้าจะถือว่าดีแล้วคัดมาลงมั้ย)  
อยากให้คัดเลือกกันที่เนื้อหามากกว่า แบบ blind น่ะ
 
 
 
 

หจก. – Tong
รวมการ์ตูนจากคอลัมน์ในนสพ.สักอย่างน่ะ
– หจก.ย่อมาจากหัวแจกัน นายหัวแจกันที่เป็นตัวเอกในแต่ละแก๊ก มุกจะค่อนข้างฝืดสไตล์การ์ตูนที่ลงในหนังสือพิมพ์ แบบเล่นตามหัวข้อข่าวมากกว่า
 
 
 

ไตรภาคนิโกโปล (La Trilogie Nikopol) – Enki Bilal
การ์ตูนไซไฟแฟนตาซีฝรั่งเศส
– ออกพิลึกหลอนๆ ทั้งลายเส้นและเนื้อเรื่อง ออกการเมืองหน่อยๆ สนุกไปอีกแบบ
 
 
 
 

รักท่วมหัว เอาตัวให้รอด – อิทธิวัฐก์ สุริยมาตย์
-เห็นหน้าปกหวานแหวว แต่การ์ตูนด้านในออกหม่นๆตลกร้ายเลยทีเดียว(เลยชอบไง)
 
 
 
 

Walking Stories II – รวมนักวาด
รวมการ์ตูนสั้น คอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการเดิน
– มีส่วนผสมของการ์ตูนแนวอาร์ต(คืออ่านไม่รู้เรื่อง) เยอะไปหน่อย
 
 
 

ไม่ไปทำงานได้ไหมเนี่ย – Wan wan
โดดงานทุกวันได้ไหมเนี่ย – Wan wan
รวมเล่มการ์ตูนจากบล็อกดังของไต้หวัน เกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องป้ำๆเป๋อๆ
– เรื่องดูเอ๋อๆ (มีบางคนบอกว่าคล้ายๆเรา T-T) เรื่องความไม่เอาไหนของตัวเองคล้ายบล็อกเราบางเรื่อง -_-" 
วานวานวาดตัวละครเป็นหัวซาลาเปาได้น่ารักมากกก แสดงอารมณ์ได้หลากหลายตลกดี
 
 
 
 
ชีวิตคนโสดโหดมันฮา – Morishita Emiko
การ์ตูนนอยๆตามประสานักวาดการ์ตูนสาวออฟฟิศโสด
– ฮาบ้างไม่ฮาบ้างตามประสาเรื่องหญิงโสด ที่บางทีก็ฮา บางทีก็น่ารำคาญ
 
 
 
 

 

ตั้มกับญี่ปุ่น – วิศุทธิ์ พรนิมิตร
การ์ตูน
– เห็นชื่อหนังสือตอนแรกนึกว่าบันทึกประสบการณ์ในญี่ปุ่น ไม่งั้นซื้อตั้งนานแล้ว
 
 
 

ใครๆก็อยากมีร้านกาแฟ – ยุวดี ต้นสกุลรุ่งเรือง
– ชุดเดียวกับเล่มร้านขายดอกไม้
 
 
 
กลุ่มโปรแกรมของ บึง พูลวรลักษณ์
-อ่านแล้วมึนๆดีชอบ พี่แกเขียนได้มีเอกลักษณ์ดีจริง
 
 
 
 
ตะลุยไปกับกองทัพซูชิ – Betty Renolds
หนังสือภาพสีน้ำที่พาเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นแลไปรู้จักเมนูอาหารญี่ปุ่นกันโดยสาวตะวันตก
– อย่าได้อ่านที่ต่างจังหวัด เดี๋ยวเปรี้ยวปากแต่ดันมีแค่พรานทะเลให้เลือกกิน แล้วจะทุรนทุราย
 
 
 
 

แม่มดฝึกหัด – นาชิกิ คาโฮะ
วรรณกรรมเยาวชน
– ไม่ใช่แนวแฟนตาซี แต่เป็น coming of age
 
 
 
 

7 Seven Deadly Sins (abc comic vol.1) – หลายคนวาด
การ์ตูนบาป 7 ประการ จากนักวาด 7 คน
– ติดจะอาร์ตเกินไปหลายเรื่อง(คืออ่านไม่รู้เรื่องอีกนั่นแหละ)ตามสไตล์อะเดย์
 
 
 
 

ไม่ไปโรงเรียนได้ไหมเนี่ย – Wan wan
– สนุกตามมาตรฐานวานวาน
 
 
 
 

X-ray คนไทย 360 องศา – พงษ์ ผาวิจิตร
บทความเกี่ยวกับคนไทย
– ออกไปในทางจิกกัดนิสัยคนไทย เป็นเรื่องที่ได้ยินกันจนคุ้นหู
แต่อ่านเป็นเล่มเลยก็มันส์ดี
 
 
 
 

Mud02 – หลายคนวาด
– สนุกเหมือนเดิม แต่เด็กประถมยังอยู่อีกเหรอ!
 
 
 
 

เด็กวันอาทิตย์ (Sonntagskind) – Gudrun Mebs
วรรณกรรมเยาวชน
– เรื่องของเด็กกำพร้าน่าหดหู่อีกแล้วตู ช่วงปีนี้บังเอิญหยิบได้แต่เรื่องแนวนี้มาอ่าน
 
 
 
 
 

ในโลกไขลาน – คมสัน นัน
– สมัยนี้สามารถหาอ่านบทความแนวมองโลกแล้วครุ่นคิดแบบนี้ตามบล็อกทั่วไปได้ไม่ยาก หนังสือแนวนี้ไม่น่าซื้ออีกต่อไป ถ้าไม่ได้ติดใจอะไรในความคิดของผู้เขียนเป็นพิเศษ
คมสันออกแนวโรแมนติกขี้เหงาอ่อนไหวเกินไปสำหรับเรา
 
 
 
 

ที่เกิดเหตุ – วรพจน์ พันธุ์พงศ์
สัมภาษณ์ชาวไทย 3 จังหวัดภาคใต้สไตล์วรพจน์
 
 
 
 

วิธีพูดกับลูก (Between Parent and Child) – Dr. Haim Ginott
– ซื้อเพราะอยากอ่านเรื่องจิตวิทยาเด็ก เล่มนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ แต่อ่านๆไปก็จะย้ำประเด็นเดิมทั้งเล่มสไตล์หนังสือ how to
– เล่มนี้เดินรอบรพ.จะเห็นหลายเล่มเลย เป็นที่นิยมของพี่พยาบาล(ที่มีลูกเล็กๆ)
 
 
 
 

 

เจ้าชายแคสเปี้ยน (Prince Caspian) – C.S. Lewis
วรรณกรรมเยาวชน
– ตอนอ่านรู้สึกว่าเรื่องเด็กไปหน่อย อย่างกะเด็กเล่นฟันดาบ แต่ดูหนังแล้วชอบมากเลย
อลังการกว่าที่คิด ไอ้เรานี่มันไม่มีจินตนาการซะจริง
 
 
 

เด็กชายตุ๊กตา – เดอะดวง
– ถือว่าได้มาตรฐานเดอะดวง แต่เราว่าเรื่องนี้ธรรมดาไปหน่อย
 
 
 
 

 

สาวออฟฟิศพิชิตงานบ้าน (The Undomestic Goddess) – Sophie Kinsella
วรรณกรรมแปลชิกลิต
– สนุกมาก เป็น romantic comedy ดีๆเรื่องนึงได้เลย
ชอบนางเอกของโซฟี ที่จะไม่ได้เป็นผู้หญิงโง่ขี้นอยจนเกินไป
 
 
 

 สำหรับครึ่งแรก

การผจญภัยของทอม ซอว์เยอร์ – Mark Twain
วรรณกรรมเยาวชน
– ชอบบรรยากาศของสมัยเก่าในเรื่อง แต่เรื่องการผจญภัยนี่เฉยๆเด็กเล่นมาก(ก็มันนานแล้วนี่เนอะ)
 
 
 
 

เศรษฐพิลึก (Freakonomics) – Steven D.Levitt, Stephen J.Dubner
นำเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์วิเคราะห์ปัญหาและเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น คุณครูกับซูโม่ นายหน้าขายบ้าน พ่อแม่และอาชญากร
– สนุกดี ชอบ อยากให้มีแนวนี้เยอะๆ
 
 
 

คือเธอที่เปลี่ยนฉัน (Big Mouth & Ugly Girl) – Joyce Carol Oates
นวนิยายวัยรุ่นอังกฤษ
– แนว coming of age จริงจัง  ไม่ได้เฮ้วเหมือนหน้าปก
 
 
 
 

  

To Think Well is Good, To Think Right is Better – สฤณี อาชวานันทกุล
12 นักคิดจากหลากหลายอาชีพผู้สั่นโลกไหวด้วยแนวคิดใหม่เพื่อมวลมนุษยชาติ
– เนื้อหาความคิดแต่ละเรื่องน่าสนใจ ให้แรงบันดาลใจมาก (ชอบเรื่องการศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยวิทยาศาสตร์มากที่สุดเลย) ผู้เขียนให้น้ำหนักกับส่วนเนื้อหาความคิดเยอะดี และเขียนย่อยออกมาได้ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป เข้าใจง่าย
 
 
 
 

ความรักของเจนแอร์ (Jane Eyre) – Charlotte Bronte
วรรณกรรมคลาสสิก
– failed จากการอ่านภาษาอังกฤษ เลยซื้อเล่มไทยจนได้
เล่มนี้เฉยๆ ไม่ค่อยเข้าใจว่าคนชอบเจนแอร์เพราะอะไร
 
 
 
 

  
แพดดี้ คลาร์ก ฮา ฮา ฮา (Paddy Clarke Ha Ha Ha) – Roddy Doyle
– โคตรชอบเล่มนี้เลย เป็นเด็กบ้าที่ช่างแก่แดดและช่างเด็กซะจริง
เป็นเรื่องของวัยเด็กซุกซนและความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เยี่ยมจริงๆ ตลกและเศร้ามากๆ

 
 

ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่งจากจักรวาลถึงเซลล์ (A Short History of Nearly Everything) – Bill Bryson
ประวัติศาสตร์การค้นพบ ครึ่งแรกออกแนวฟิสิกส์ ครึ่งหลังชีวะ
– เนื้อหาไม่ได้เน้นรายละเอียดความรู้ แต่เน้นที่ความรู้นั้นมาได้อย่างไร อย่างที่เราจะนึกสงสัยตอนเรียนว่าพวกมันรู้ได้ไงฟะ
และเพิ่มความรู้ต่อยอดจากที่เรียนมัธยมปลายสายวิทย์(จนอ่านไปสบถไปว่า โรงเรียนนี่ให้เราเรียนแต่อะไรโบราณๆว่ะ)
มีเล่าถึงคาแรกเตอร์ของนักวิทยาศาสตร์ เช่น
ดาลตัน เป็นชายชรายากจน เป็นหนุ่มน้อยผู้อ่อนโยน ใครอีกซักคนจำไม่ได้แล้วว่าใคร เป็นหนุ่มหล่อมาก รวย กีฬาเก่งโค-ต-ร(แชมป์หลายชนิด) เพอร์เฟ็กต์เหมือนพระเอกการ์ตูนผู้หญิง
และเล่านิสัยประหลาดของนักวิทยาศาสตร์หลายๆคน(ประวัติแนวนี้อ่านเมื่อไหร่ก็สนุก เพราะมันช่างมีความประหลาดหลากหลายเหลือเกิน)
คาโรลัส นิลเลียส (ผู้คิดอนุกรมวิธาน) เป็นคนบ้าเรื่องเซ็กซ์ ตั้งชื่อให้หลายๆสปีชีย์ด้วยคำศัพท์ที่แปลว่าอวัยวะเพศหญิง เนื่องจากประทับใจสุดๆที่พวกมันมีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศหญิง
และอนุกรมวิธานที่เขาคิดไว้มีที่สำหรับสัตว์ในเทพนิยายและมนุษย์สัตว์ประหลาดด้วย!! (อยากเห็นว่ะ)
 
 
 
 

ร้านชำสำหรับคนอยากตาย (Le magasin des suicides) – Jean Teule
นวนิยายฝรั่งเศส
– เต็มไปด้วยตลกร้ายอ่านสนุก ชอบคาแรกเตอร์ตัวเอก
 
 
 
 

  
เอาตัวรอดด้วยทฤษฎีเกม – นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
สรุปหลักทฤษฎีเกมอย่างง่ายๆและตัวอย่างการนำไปใช้
– สนุกดี อยากอ่านทฤษฎีเกมต่อยาวๆกว่านี้จังน้าาา

 
 

เศรษฐศาสตร์ในกรุงเทพมหานคร – นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
มองสิ่งรอบตัวด้วยมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์
 
 
 
 

 

กลยุทธ์ในชีวิตประจำวัน – นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
เช่น กลยุทธ์การจองโต๊ะจัดงานเลี้ยง กลยุทธ์การต่อรอง  ฯลฯ
 
 
 

*นางนวลกับมวลแมวผู้สอนให้นกหัดบิน (Historia de una gaviota v del gato que le enseno a volar) – Luis Sepulveda
วรรณกรรมสำหรับคนอายุ 8-88 ปี (สนพ.บอก)
– เรื่องราวน่ารักๆตามชื่อเรื่อง ชอบการสนทนาของเหล่าแมวเงอะงะง่ะ -w-
 
 
 
 

Dive ตอนที่ 2 สวอนไดฟ์ (Dive! Vol.2) – Eto Mori
Dive ตอนที่ 3 SS สเปเชียล ’99 (Dive! Vol.3) – Eto Mori

นวนิยายญี่ปุ่น 4 เล่มจบ
เล่าเรื่องราวของเด็กคนที่ 2 และ 3 แห่งชมรมกระโดดน้ำ
– ชอบซีรีย์นี้จัง อ่านแล้วสดชื่นดี โลกสีฟ้าเข้มใส เยาว์วัย เหมือนได้โดดลงเล่นน้ำในสระ
 
 
 
 

วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน – สฤณี อาชวานันทกุล
รวมสุนทรพจน์วันรับปริญญาของมหาวิทยาลัยอเมริกันที่กินใจ
– ออกมาได้ตรงปีที่เรารับปริญญาพอดีเลย
 
 
 
 

 
โฆษณาดีๆที่ข่มขืนคุณ – ครีเอทีฟหัวตีบ
– แม้จะไม่ค่อยชอบชื่อหนังสือเท่าไหร่ (แต่ก็พอเข้าใจว่าต้องการดึงดูดคนอ่าน) สำนวนผู้เขียนเรื่องค่อนข้างปากจัด พยายามยิงมุขเยอะ(เกิน)
แต่ชอบตรงที่อ่านจบแล้วก็ติดนิสัยดูโฆษณาไปคิดไปเหมือนกันว่านี่เค้าจะมาไม้ไหนกันนะ

 

  
ผู้หญิงสีฟ้าครึ้มฝน (Sainte Rita) – Claire Wolniewicz
เรื่องสั้นฝรั่งเศส แนวประชดเสียดสี "สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น"
– เล่าเรื่องอย่างสนุกๆ แต่..ก็โลกนี้มันโหดร้ายนี่นะ

 
 

ดาวถึงดาว ("Map of the Heaven") – ไตรภัค สุภวัฒนา
การ์ตูนไทย
– คนนี้ก็เขียนการ์ตูนสนุกดี (แต่จำได้นะว่ามีฉากซ้ำกับเรื่องสั้นอื่นน่ะ)
 
 
 
 

วันอังคารแห่งความทรงจำกับครูมอร์รี (Tuesdays with Morrie) – Mitch Albom
บันทึกการสนทนาเรื่องชีวิตทุกวันอังคารระหว่างศิษย์ และครูมอร์รีผู้กำลังจะตาย
– ส่วนใหญ่ ข้อคิดดีๆจะเคยได้อ่านมาหมดแล้วตาม fwd mail
 
 
 
 

Chicken Soup for the Soul 1&2  เรื่องเล่าซาบซึ้งบำรุงใจ – Kim Dong-Hwa
พลังแห่งชีวิตภาคการ์ตูน(เกาหลี แต่ลายเส้นตะวันตก)
– ซึ้งได้หลายเรื่อง อ่านแล้วอยากหา chicken soup ฉบับตัวหนังสือมาอ่านให้หมด (ที่บ้านมีอยู่เล่มเดียวเอง)
 
 
 
 

ชายชราผู้อ่านนิยายรัก (Un Viejo Que Leia Novelas De Amor) – Lus Sepulveda
นวนิยายสเปน
– ชื่อเรื่องโรแมนติกขนาดนี้ พออ่านแล้วต้องบอกว่าเป็นวรรณกรรมอเมซอน ต่างหาก .. คุณหลงใหลในบางสิ่งจนหลงลืมอะไรบางอย่างรึเปล่า
 
 
 
 

บอลลูนยี่สิบเอ็ดลูก (The Twenty-One Balloons) – William Pene Du Bois
วรรณกรรมเยาวชน
– แนวผจญภัยสนุกสนานวิทยาศาสตร์ ชอบบบ จินตนาการรรรร
 
 
 
 

*ไม่ได้อ่าน อย่าซื้อทัวร์ – มิสเตอร์พาสปอร์ต
– คนเขียนดูจริงใจดี ประเทศไหนชอบก็ชมซะ ที่ด่าก็แหลกเลย
แต่อิจฉาคนเขียนมากอะ ได้ไปมาแล้วตั้ง 36 ประเทศ พี่แกทำงานอะไรวะ
คนเขียนเคยไปมาเยอะขนาดนี้ข้อมูลก็น่าจะเชื่อถือได้ระดับนึงล่ะนะ(ระดับคนชอบวัดและสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมน่ะนะ เพราะดูเค้าไม่ค่อยสนใจธรรมชาติเลย)
 
 
 
 

ถ้าโลกนี้ไม่มีส้วมจะเป็นยังไง? (If There Were No Toilet?) – Lee Kyeong Seon
ถ้าโลกนี้ไม่มี … จะเป็นยังไง สอนเด็กโดยสมมติว่าถ้าไม่มีแต่ละอย่างนี้แล้วจะเป็นยังไงน้า
– เด็กมาก แต่บางเรื่องก็สนุกดี (ก็รู้แหละว่าให้เด็กอ่านแต่รูปการ์ตูนข้างในน่ารักมากอะ เห็นแล้วอดไม่ได้ -*-)
 
 
 

คุณหมอดูลิตเติล (The Story of Doctor Dolittle & The Voyages of Doctor Dolittle) – Hugh Lofting
วรรณกรรมเยาวชน
– สองหัวใจสำหรับภาคแรก น่ารักอบอุ่นสมเป็นวรรณกรรมเยาวชนในฝัน
 
 
 
 

คู่มือศึกษาประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่งี่เง่า (The No-Nonsense Guide to World History) – Chris Brazier
– เล่าเรียงทั่วโลกปนกันตามลำดับเวลา แล้วเริ่มแยกบทเป็นแต่ละภูมิภาคของโลก ตอนท้ายมีเรียงเหตุการณ์มิกซ์รวมกันให้ตาม ค.ศ.อีกที
ชอบนะ แต่หลังๆอ่านตามไม่ค่อยทันเนื่องจากผู้อ่านมีพื้นฐานความรู้น้อย และผู้เขียนกล่าวถึงแต่ละเหตุการณ์อย่างสั้นๆเลยงง
 
 
 
 

  

ประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) – Stephen Hawking
-มันส์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เหมือนเป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
 
 
 
 
Meow Meow เหมียว เหมียว – รวมนักวาด
รวมการ์ตูนเกี่ยวกับแมว
– ok แล้วแต่เรื่อง
 
 
 

เรื่องรักธรรมดา (สนามหญ้า ๒) – รวมนักเขียน
รวมเรื่องสั้นไทยหลากรสเกี่ยวกับความรัก
– ออกแนวร่วมสมัยและอยู่ในเมืองจักหน่อย
 
 
 

Mud 03 – รวมนักวาด
– ยังสนุกเหมือนเดิม
เด็กประถม.. เหมือนเดิม
 
 
 

ดีไซน์+คัลเจอร์ – ประชา สุวีรานนท์
รวมบทความจากคอลัมน์ในมติชนสุดฯ
– เห็นปกดำๆ แต่ข้างใน colorful มาก
อ่านสนุกได้ความรู้และงามตาไปกับดีไซน์
 
 
 

I H.A.T.E Cartoon Book – รวมนักวาด
รวมการ์ตูน
– กวนตีน สนุกดี
 
 
 

*ไดอารี่ของเด็กไม่เอาถ่าน (Diary of a Wimpy Kid) – Jeff Kinney
– ชอบโคตร เป็นเด็กบ้าอีกตัว รูปประกอบก็เสริมกันมากอะ ฮาๆๆ
 
 
 

Super (abc comic vol.2) – รวมนักวาด
รวมผลงานการ์ตูนไทย เล่มนี้คอนเซ็ปต์ซูเปอร์ฮีโร่
– ถ้าคิดว่าจะได้อ่านรวมการ์ตูนยอดมนุษย์สนุกๆอาจจะผิดหวัง เพราะแต่ละเรื่องค่อนข้างจะอ้อมโลก ขึ้นอยู่กับนิยามของผู้วาดแต่ละคน
 
 
 

ไม่ตั้งใจ แต่ทำไมจึงสุข (ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ๑๒) – หนุ่มเมืองจันท์
– เป็นเล่มแรกของซีรีย์ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจที่ได้อ่าน เล่มนี้ดันมีสัดส่วนเรื่องธุรกิจน้อย(มาก)พอดี เซ็งชะมัด
เรื่องอื่นที่ผู้เขียนนำมาเล่าสู่กันฟังส่วนใหญ่เคยอ่านผ่านหูผ่านตามาแล้ว
ชอบบทที่เกี่ยวกับธุรกิจ สนุกดี
เล่มนี้หน้านึงมีตัวหนังสือน้อยมากอะเสียดาย แถมใช้เนื้อที่ไปกับการปล่อยมุขอีกเกือบครึ่ง
 
 
 
 

รักเปื่อย (Rotten Love) – คงเดช จาตุรันต์รัศมี
นิยายภาพแนวโรแมนติกของตัวละครไม่สมประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับคนนี้
– ชอบช่วงท้ายๆเรื่อง
 
 
 
 

 สำหรับครึ่งเรื่องแรก

แรกรัตติกาล (Twilight) – Stephenie Meyer
วรรณกรรมแนวโรแมนติก+วัยรุ่น เรื่องเดียวกับหนังที่ฉายช่วงปลายปีนั่นแหละ
– ช่วงแรกน่าปลื้มมาก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มเลี่ยนจนไม่มีแรงอ่านเล่มสองต่อ
คาแรกเตอร์แวมไพร์ที่มีวิถีชีวิตคล้ายมนุษย์,อยู่ปะปนกับมนุษย์นี่น่าสนใจ ที่สำคัญ..หน้าตาดี! (fiction เรื่องแวมไพร์มีเยอะ เราก็ไม่เคยอ่านเสียด้วย
กรี๊ด เอ็ดเวิร์ด .. ทำไมเวอร์ชันหนังไม่ให้ กัสปาร์ เล่น!!!!!
 
 
 

Persepolis 1&2 แพร์ซโพลิส – Marjane Satrapi
การ์ตูนเฟมินิสต์?ของนักวาดการ์ตูนอิหร่านเกี่ยวกับชีวิตของเธอเอง
– เล่มหนึ่งจะเป็นชีวิตที่อิหร่าน ซึ่งก็คือชีวิตของเด็กและเด็กสาวของอิหร่านทั่วไปนั่นเอง (แต่เธอโชคดีที่มีพ่อแม่หัวสมัยใหม่) ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่เวียนนาในเล่ม 2
– ชอบลายเส้นการ์ตูนน่ะ น่ารักดี (แอบถมดำเยอะจนอ่านแล้วมึนเล็กน้อย แต่เป็นสไตล์ที่สวยไปอีกแบบ)
 
 
 
 

Phenomenon(e) ปรากฏการณ์ธรรมดา – องอาจ ชัยชาญชีพ
การ์ตูนไทย
– ผิดหวังเล็กน้อย ว่ามีตอนที่สนุกไม่เยอะเหมือนหัวแตงโมฯ อาจเพราะเป็นการรวมงานเก่าๆ
 
 
 
 

คน(ไม่)สำคัญ – สฤณี อาชวานันทกุล
รวมบทความเรื่องราวของบุคคล จากนิตยสารสารคดี
– เรื่องราวของบุคคลที่เราไม่รู้จัก แต่รู้จักสิ่งของจากพวกเขาดี
 
 
 
 

The Planets  ประวัติย่อของดวงดาว – Dava Sabel
เรื่องราวประวัติศาสตร์ของดวงดาวต่างๆในระบบสุริยจักรวาลกับมนุษย์
– ผู้เขียนใช้กลวิธีเล่าในแต่ละบท(แต่ละดวงดาว)ต่างกัน เสมือนต่าง theme (แต่บทที่เป็นกลอนยั้วเยี้ยนี่ไม่ไหวนะ)
 
 
 
 

ปัญหาคือยาวิเศษ (ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ๑๐) – หนุ่มเมืองจันท์
ฝันเรื่อยเรื่อย เหนื่อยก็พัก (ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ๑๑) – หนุ่มเมืองจันท์
– เรื่อง MK กับฟาร์มโชคชัยอีกแล้ว ทำไมเขียนซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ฟะ แต่ก็ยังหวังจะอ่านเรื่องธุรกิจอื่นๆอยู่นะ แต่ไม่อยากซื้อแล้วล่ะ แต่ก็ไม่รู้จะไปหายืมอ่านที่ไหนนี่สิ
ไม่น่าเริ่มซื้อจากเล่มหลังๆเลย ก็อยากอ่านที่ใหม่ๆหน่อยนี่นา
เป็นซีรีย์ที่อ่านลื่น แต่เหมาะที่จะยืมอ่านรวดเดียวจบ
 
 
 

ดันเต้ คลับ (The Dante Club) – Matthew Pearl
วรรณกรรมแปลแนวฆาตกรรมสืบสวน
– มีตัวละครหลักเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ก็จริง แต่เราไม่รู้จักสักคน เลยไม่ได้ฟีล พล็อตก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก
 
 
 
 

ความรักของสาวเอลิสต์ (The A-List) – Zoey Dean *อ่านรอบ 2
– ด้วยความขี้ลืมสุดๆ จำอะไรไม่เห็นได้เลย ทั้งๆที่เพิ่งอ่านไปต้นปีแท้ๆ!
แต่อ่านรอบหลังสนุกมากขึ้นเยอะ เพราะได้ดูซีรีย์ gossip girl ซึ่งเป็นแนวเดียวกัน ทำให้เข้าใจแนวนี้(สังคมวัยรุ่นไฮโซ)ได้ดีขึ้น
 
 
 
 

สาวน้อยสื่อวิญญาณ 5 ตอน คนหลอก วิญญาณหลอน (The Mediator 5 : Haunted) – Meg Cabot
สาวน้อยสื่อวิญญาณ 6 ตอน แล้วเราก็พบกัน (The Mediator 6 : Twilight) – Meg Cabot
เล่มจบ
– ผีอะไรวะน่ารักโคตรรรร
 
 
 
 

*เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน – ใบพัด
ประสบการณ์ท่องเที่ยวอินเดีย
– เขียนได้ฮา ประสาทเสีย คาแรกเตอร์เหียก จนไม่ว่ามันไปประเทศอะไรก็อยากอ่านอะ
แต่เราว่ามันต้องมี fiction ผสมด้วยแน่ๆเลย บางเรื่องมันก็เกินไป
 
 
 

Mr.Pig งานหมูหรืองานหนัก เราก็รักที่ทำงาน (มั้ง?) – God
การ์ตูนเรื่องประจำวันของหมูออฟฟิศ
-ไม่อินมากเพราะไม่ใช่สาวออฟฟิศ
 
 
 
 

Mud 04 – รวมนักวาด
– ยังสนุกเหมือนเดิม ..เด็กประถมคงเป็นนักวาดประจำเล่มถาวรแล้วสินะ ตอนนี้มีเพิ่มเป็นสองคนแล้ว!
 
 
 
 

เจ้าชัยน้อย Little Mister Sunshine – ใบพัด/พิรักษ์
การ์ตูน
– มุกซ้ำๆกันทั้งเล่ม และพยายามปรัชญาเกินไปรึเปล่า
แต่ในบรรดาตลกยิบย่อยบางอันก็ขำดี
 
 
 
 

ความรักของสาวเอลิสต์ 2 ตอน สาวน้อยในเมืองมายา (The A-List : Girls on Film) – Zoey Dean
ความรักของสาวเอลิสต์ 3 ตอน ดาวเด่น (The A-List : Blonde Ambition) – Zoey Dean
– ซีรีย์แนวสาวไฮสกูลไฮโซแต่ดรามาน้อยกว่า gossip girl เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ตัวละครแต่ละตัวก็มีความเป็นสีเทามากขึ้น เปิดเผยด้านดีของตัวละครร้ายและกลับกัน
 
 
 

สูญ – สุทธิชาติ ศราภัยวานิช
การ์ตูนเรื่องยาว
– ผู้วาดสร้างโลกแห่งใหม่ขึ้นมาได้สำเร็จ
 
 
 
 

เมฆ – ทรงกลด บางยี่ขัน
รวมบทสัมภาษณ์ชาวต่างชาติผู้เป็นแรงบันดาลใจจาก  a day
– ครึ่งหนึ่งน่าสนใจ อีกครึ่งหนึ่งก็อาชีพเดิมๆที่ลง a day ประจำ
 
 
 

*ยายนงนงกับผม ที่มาของตำนานปีศาจญี่ปุ่น – shigeru mizuki
การ์ตูน
– ได้รู้จักปีศาจญี่ปุ่นเยอะดี
 
 
 
 

*A Nightly Dream ความฝัน วัน มะรืน – ศรัทธา แสงทอน
การ์ตูน
 
 
 
 

*แรมบิทส์ – วราห์ชา
การ์ตูน
 
 
 

*Sana ซานะฉายเดี่ยวing – Sana
การ์ตูนจากบล็อกคล้ายๆวานวาน แต่วานวานสนุกกว่า คนนี้ดูใช้จังหวะภาพกับช่องการ์ตูนเล่าได้ไม่ถึง (แต่วาดน่ารักมาก) และยังชอบเอาเรื่องหยอกกับแฟนมาวาดแลดูเป็นการหยอกเอ็นดูกัน
มากกว่าจิกกัดตลกๆจริงๆ มันเลยไม่ตลก
 
 
 

Movie
 
 
 
Stardust
– Great fantasy movie
 
 
Across the Universe  สำหรับฉากเพลงตามชื่อเรื่อง
เสียดายไม่ค่อยรู้จักเพลงของ the Beatles เพลงเดียวที่รู้จักนี่ดูแล้วเคลิ้มดั่งต้องมนต์เลย ถ้ารู้จักหมดคงเคลิ้มทั้งเรื่อง
 
 
Enchanted   สำหรับช่วงแรก
ชอบการล้อเลียนขนบดิสนีย์ของหนังดิสนีย์เรื่องนี้มาก เพลงก็เพราะ แต่สำหรับเราแล้วเรื่องนี้ตายตอนจบ มันไม่ลื่นและจู่ๆนางเอกก็โทรมลงอย่างบอกไม่ถูก
 
 
Atonement 
เสียงพิมพ์ดีดเร้าใจมาก หนังก็เร้าใจมาก
 
 
Sky of Love
 
Charlie Wilson’s War
 
Once
ไม่ค่อยประทับใจ ยกเว้นฉากสุดท้ายจี๊ดมาก
เพลงเพราะดี
 
Spiderwick
แฟนตาซีเยาวชนมาก ชอบโคตร
 
No Country for Old Men
ระทึกดี คาแรกเตอร์ฆาตกรมีเสน่ห์มาก
 
American Gangster
 
There Will Be Blood
 
ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น
 
Always: Sunset on Third Street 2
แผ่วลงไปสำหรับเรา กลายเป็นหนังประทับใจดาดๆ
 
Love in the Time of Cholera
โดนด่าซะยับเยิน แต่เราก็ยังชอบนะ เพราะไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน (เมื่อไหร่จะมีไทยให้อ่านสักที)
 
Kung Fu Panda
ไม่ได้ปลื้มมากอย่างที่เค้าว่ากัน แต่ก็ชอบนะ
Mamma Mia!
หนังเพลงเรื่องแรกที่ทำให้เราเกลียดได้!
สงสัยจะไม่ชอบ Abba จริงๆ
ป้าเมอร์รีลสตรีปกลับไปเล่นบทเจ้าแม่ทีเถิดได้โปรดดด
 
Batman : The Dark Knight
 
The Fall
ชอบช่วงแนะนำตัวละครที่สุด
ฉากสวยจริง แต่ถ้าคิดว่าเสียเวลา 4 ปี ดูจะได้ฉากน้อยไปหน่อย
 
 
 

 
Music
 
หลุดออกจากวงการเรียบร้อย ไม่ได้ฟังวิทยุเลย
ยกเว้นตอนนั่งรถพ่อแม่ในกทม. ซึ่งไม่กระดิกหูสักนิด
เลิกสนใจติดตาม เปลี่ยนความคิดจาก ..
 
"ฉันต้องควานหาเพลงเพราะๆในโลกใบนี้ให้ได้ โลกนี้มีเพลงไพเราะอีกมากมาย"
เป็น ..
"ถ้ามีวาสนาต่อกัน คงได้ฟังสักวันเองแหละ"
 
จึงมีแต่เพลงจากหนังและอนิเมะ เป็นส่วนใหญ่
 
เพลงโปรด
I Wanna be – Stance Punk (Ost. Soul Eater)
 
อัลบัมโปรด
Ost. Juno
Vampire Weekend – Vampire Weekend
อพาร์ทเมนต์คุณป้า – สมรสและภาระ
 

 บทสรุปประจำปี
 
ทำงาน = เงินเดือน
เราซื้อของที่อยากได้ด้วยเงินที่ได้จากสองมือและสมองของเราเองได้แล้ว!!!
ถึงแม้จะเหนื่อยใจสักเพียงไหน แต่คิดถึงเงินเดือนเมื่อไหร่ก็มีความสุข
 
รับปริญญา
แม้ว่าอยากเอาเวลาไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า แต่ถ้าไม่รับปริญญาก็ไม่มีข้ออ้างลากิจน่ะสิ
ช่วงที่กลับมากรุงเทพฯยาวๆนี้เที่ยวกรุงเทพอย่างมีความสุขมากอะ
รักกรุงเทพที่สุด (ปีนี้กรุงเทพได้เป็นเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดพอดีเลย)
 
admit  .. ถึงสองครั้งในปีเดียว!
ครั้งหลังนี่หนักมากที่สุดในชีวิต
ถึงกับมี liver enzyme ขึ้น >10x
ผื่นคล้าย measles ขึ้นเต็มตัว (สมุดวัคซีนเราก็หายไปแล้วซะด้วยสิ -_-")
แถมสรุปเป็น fever จากเชื้ออะไรก็ไม่รู้อีกตะหาก! ตรวจไม่พบสักอย่าง
 
 

 
หมกมุ่น
 
ชื่อจังหวัด
เพราะต้องหาข้อมูลเรื่องจังหวัดที่ใช้ทุน ข้อมูลเต็มหัว
ได้ยินชื่อจังหวัดไม่ได้เลย แม้ได้ยินจากข่าวก็สะดุ้ง
แต่สุดท้ายดันเลือกจังหวัดที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์เลยสักนิด
(แล้วตูจะเสียเวลาหาข้อมูลทำไม)
เหตุการณ์ตอนเลือกจังหวัดใช้ทุนในห้องปิดตาย ก็เป็นแบบจำลองมนุษย์ที่น่าสนใจมาก
 
เศรษฐศาสตร์และการแพทย์
เดือนแรกที่เหมือนถูกถีบลงเหว จาก extern ห่วยๆ
ต้องรักษาคนให้ได้ .. อ่านหนังสือมากกว่าตอนสอบอีกอะ
แต่พอได้ solution มากพอแล้ว (และรู้ว่าไม่ได้อยู่ในเหวคนเดียว ยังมีสตาฟฟ์ให้เกาะอยู่ด้วย)
ก็อีหรอบเดิม
 
Series ฝรั่ง
ซีรีย์ที่ชอบเพิ่ม
Ugly Betty
Gossip Girls : มีความดรามา+ครอบครัวมากกว่าหนังสือเยอะเลย
แบลร์ วอร์ดอล์ฟ น่ารักมากกกก
 
 
นิตยสาร
เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงความเป็นเมืองมากที่สุดที่หาได้ แล้วก็อัพเดทด้วย (ถ้ามีขายหลายหัวเท่ากทม.คงซื้อเยอะมากกว่านี้)
 
Ipod 
ได้ข้ออ้างในการซื้อ ipod มาฆ่าเวลาบนรถทัวร์ ที่ใช้เวลาตั้งประมาณ 11 ชม.แน่ะ !
เรื่องที่เหมาะที่สุดในการดูบนรถทัวร์คือซีรีย์สั้นๆประมาณ 20 นาที ที่แสดงภาพแบบ full screen (ไม่งั้นจะเล็กเกินไป) 
เช่น The Simpsons แต่ดูเรื่องนี้แล้วทำให้เป็นคนบ้าบนรถทัวร์ได้ เพราะมันตลกเกินไปในบางฉาก
เกม PC
เกมที่เล่นจบ
Farm Frenzy 2  ..  ติดเกมนี้เพราะถ้าจะเล่นให้ได้เหรียญทองต้องมีกลยุทธ์ แต่ยังจบเหรียญทองไม่หมด เพราะขี้เกียจซะก่อน แล้วที่เซฟไว้ก็อยู่เครื่องไหนไม่รู้
Hamburger อะไรสักอย่าง .. ชอบเพราะต้องเล่นคลิกเร็วๆ
Sally Spa .. เกมแนว organize คลิกลากบริหารสปา แต่เล่นเกมแนวนี้จบไปสักสองเกม ก็เบื่อไปตลอดชีวิตเลยอะ
 
นึกไม่ออก..