ขอบใจนะโอเค.. แต่เราไม่ชอบกินกบ

เธอเป็นหมาน้ำใจงามมากจริงๆ
น่ารักมากด้วย
ซากกบแห้ง ที่คงรูปอยู่ได้อย่างมหัศจรรย์(แม้เหลือเพียงครึ่งตัว) ..นั้นน่ารักมาก
ดูมีคุณค่าทางโภชนาการ และดูกรอบอย่างยิ่ง

แต่เราไม่ชอบกินกบจริงๆ

                    รักนะ XOXO,
                     คนข้างบ้านเธอ         

ปล. กระดูกตัวอะไรสักอย่าง ที่เธอนำมาให้อีก ก็วิเศษจริงๆ ชิ้นใหญ่น่าปลื้ม
แต่ฉันก็ไม่ชอบกินกระดูกเหมือนกันจ้ะ

(หวังว่ามันคงไม่ใช่กระดูกคนนะจ๊ะ)
ปล. 2 ฉันหวังว่าเธอคงจะไม่ชอบกินเสื้อทำงานฉันเหมือนกัน
 

เรื่องวุ่นๆของการย้ายที่อยู่

เนื่องจากต้องย้ายจากรพ.ชุมชน ก. ไปยัง รพ.ชุมชน ข. กะทันหัน (ทั้งๆที่เพิ่งย้ายมาจากรพ.จังหวัดได้เดือนเดียวแท้ๆ)

นอกจากเรื่องขนของ ซึ่งก็ย้ายจนชินแล้ว เพียงแต่ของเยอะมากเท่านั้นเอง
เพราะมีของไร้สาระของเราหลายลัง (ต้องคอยลุ้นว่ารถที่เค้าเอามารับจะขนพอมั้ยวะ)
กับเรื่องนิตยสารที่สมัครสมาชิกหลายฉบับไว้ ต้องเปลี่ยนที่อยู่กันวุ่นวาย
(ยอมสมัครเพราะตจว.หาแผงนิตยสารยูนๆยาก)

1
เมื่อวานนี้เราได้โทรไปบอกยกเลิกคนรับซักผ้าที่นี่ และขอให้มาส่งเสื้อผ้าทั้งหมดวันนี้ เพราะจะย้ายพรุ่งนี้เช้าแล้ว
จะได้จ่ายเงินทีเดียวเลย เห็นทวงมาตั้งแต่ต้นเดือน ไม่รู้จะรีบทวงไปไหน

ค่าซักก็แพง ตั้ง 600/ด. อาทิตย์นึงเก็บแค่ 2 ครั้งเอง

(ตอนแรกเค้าให้เลือกว่าจะให้ไปเก็บอาทิตย์ละ 2 ครั้งหรือว่า อาทิตย์ละครั้ง! ..
นึกว่าบ้านตูขายเสื้อผ้ารึไงฟะ! แค่นี้ก็ไม่มีจะใส่ทำงานแล้ว
..ก็ต้องให้มาเก็บบ่อยที่สุดน่ะสิ)

2
อาทิตย์แรกที่เพิ่งมาอยู่นี่ ก็มีโทรศัพท์มาทวงค่าซักผ้าละ บอกว่าเดี๋ยวมาเก็บที่บ้าน
นั่งรออยู่ตั้งเกือบชม.ไม่มา เลยออกไปข้างนอกก่อนเพราะเดี๋ยวกลับมืด
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เค้าก็โทรมาว่าว่ามาเก็บแล้วไม่เห็นอยู่บ้านเลย
..ก็มาช้าเองนี่นา -*-

อีกวันนึงก็โทรมาใหม่..
ครั้งนี้รออยู่เกือบชั่วโมงไม่มาอีก -*-

แล้วยังโทรมาถามตูอีก "ไปเก็บที่บ้านไม่เจออีกแล้ว ..แล้วจะให้ทำยังไง"
บอกไปว่างั้นให้ปลุกเราตอนเช้าก็ได้ ..วันรุ่งขึ้นก็ไม่เห็นมีใครมาปลุกเลย?
..หลังจากนั้นก็เงียบหายไปทั้งเดือน o_O

3
เห็นวันนี้นี่ก็เย็นแล้ว ไม่ติดต่อมาสักที เลยโทรไปใหม่ว่าลืมรึเปล่า
เมื่อวานก็ตบปากรับคำเป็นอย่างดีนี่นา

หลังจากคุยกับเจ้าหนูที่รับโทรศัพท์ให้เรียกแม่มาคุยด้วยได้สำเร็จ ก็ได้รับคำตอบจากแม่เค้าว่า
"เสื้อผ้าส่งคืนหมดแล้ว ไม่มีค้างอยู่ค่ะ"

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

นี่มันอะไรกัน ก็เค้าเพิ่งเก็บไปเมื่อวันพฤ.ที่แล้วไม่ใช่เรอะ เอาตะกร้าตูไปด้วยนะ

"พี่เพิ่งมาเก็บวันพฤ.ที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอคะ"
"เปล่า ไม่ได้เก็บ"

ปรี๊ดดด!!!!!! ก็เราเพิ่งส่งผ้าเห็นๆ ตะกร้าผ้าก็ถูกเก็บไปแล้ว ยังมาว่าไม่ได้เก็บอีกเรอะ
กรี๊ดดดด  เสื้อผ้าตู! ตะกร้าตู!

พูดจาไม่รู้เรื่องกันอยู่ประมาณ 30 วินาที

"หมอ ตอนนี้หมออยู่ไหนคะเนี่ย"
(ก็ต้องอยู่ที่บ้านพักสิฟะ รออยู่เนี่ยยย) "อยู่ที่บ้านที่รพ.ไงคะ"
"หมอ ที่นี่รพ.นครพนมนะ" (เค้าหมายถึงรพ.ที่อยู่ในตัวจังหวัด)
"…………………."

"อ้าววว.. งั้นคนละเจ้ากัน!!!"

อะไรวะ นี่ตูติดต่อร้านซักผ้าผิดอำเภอมาตลอดเดือนเลยเรอะ !!!
เราก็โทรไปเบอร์เดียวกับที่โทรมาทวงค่าผ้าก่อนหน้านี้นี่นา
แปลว่าเมื่อต้นเดือนเค้าโทรมาทวงค่าซักผ้าเราข้ามอำเภอ!
สรุปคือ คนที่รอเตรียมจ่ายอยู่ที่บ้าน กับ คนที่ตามมาเก็บเงินที่บ้าน ..

.. บ้านมันอยู่คนละอำเภอกัน!

เค้าไปเคาะประตูเก็บที่บ้านพักเก่า อ.เมือง ส่วนเรารออยู่ที่บ้านพักอำเภอ ก.
มันจะไปเจอกันได้ยังไงว้าาาา
มั่วกันเข้าไป!

ให้ตูรออยู่สามวันก็ไม่ได้จ่าย ..ฟายยยยยยยย

-_-"

ปล. สุดท้าย ไม่สามารถหาเบอร์ร้านซักรีดของอำเภอนี้ได้
เลยต้องหายืมจักรยานถีบไปที่ร้านเลย
 .. จะได้ผ้าทันมั้ยว้า
ถ้าเค้ายังซักไม่เสร็จก็จะเอาไปแล้วล่ะ ไปซักต่อที่อีกอำเภอ
โชคดีว่าป้าซักรีดเสร็จแล้วพอดี เลยได้ผูกตะกร้าซ้อนท้ายจักรยาน + ไม้แขวนที่แฮนด์ .. ดูเป็นสาว local ขี่จักรยานรุงรังไปอีกแบบ

Intern : City to Town

เมื่อเราเดินทางมาถึงสุดขอบโลก
 
Road Movies 10 ชม
ตัวละครคือพ่อแม่และฉัน
เนื้อเรื่อง..ไม่มี เพราะไม่ได้ลงจากรถเลยนอกจากกินข้าวกะเข้าห้องน้ำ แหะๆ
เอาเป็นว่ามันก็มีแต่ฉากรถวิ่งเหมือนกันละน่า
ฉันไม่ได้หลับบนรถเพราะอยากนั่งมองการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศจากบ้านถึงที่หมาย
วิวส่วนใหญ่เป็นนาแล้งๆ ควาย ..แล้วก็เพิงไม้เล็กๆน่ารักๆน่าถ่ายรูป น่าไปนั่งอ่านหนังสือ 
(การมองจากบนรถทำให้ฉากนี้ดูโรแมนติก แต่ถ้าออกจากรถลงไปคงจะเหลือแต่ความร้อน เปียก หรือเหน็บหนาว ตามสภาพอากาศวันนั้น) 
บ้านคนนานๆเจอที
"ป๊า แถวนี้ก็คล้ายๆบ้านเราเลยเนอะ"
"ก็แถวบ้านเรามันก็ชนบทนี่"
 
ต้นไม้ส่วนใหญ่ขึ้นห่างๆกัน พิจารณารูปร่างของแต่ละต้นได้ชัดเจน เป็นโครงร่างที่ดูงดงาม อ่อนช้อยและแข็งแกร่ง
ก็ต้นไม้ธรรมดา แต่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความลงตัวหมดจดขนาดนี้
 
ก่อนถึงนครพนมรถต้องผ่านภูพานอันคดเคี้ยว (เป็นจุดที่ต่อมาเวลานั่งรถทัวร์กลับ ต้องหลับก่อนถึงแถวนี้ให้ได้! ไม่งั้นได้อยากอ้วก)
ช่วงนี้ไม้ยืนต้นกำลังออกดอกเต็มเลย
สีม่วง(ตะแบก) แดง(หางนกยูง) เหลือง(?) ชมพู(?) สวยจัง
 
จังหวัดของอีสานที่ไกลที่สุดจากกรุงเทพฯ ..หรือว่าสุดขอบโลกกันนะ
ตอนนี้มืดแล้ว
ข้างหน้านี้จะต้องเป็นแม่น้ำโขงแน่ๆ ฝั่งตรงข้ามก็ประเทศลาว
แล้วทำไมตูมองไม่เห็นอะไรเลยอะ! มองเห็นแต่ถนนแล้วก็มืดไปหมดเลย
ถ้าก้าวไปข้างหน้าจะตกโลกลงไปรึเปล่า
ทำไมเมืองเงียบอย่างนี้ ไม่เห็นใครซักคนเลย
………………..
 
 
ปฐมนิเทศน์
หลังจากจัดการเรื่องเอกสาร&รายงานตัว (เซ็นไปประมาณ 120 ครั้งได้ -_-" ..จนจำเลขที่บัตรประชาชนตัวเองได้)
สสจ.ก็พากินพาเที่ยว (อารมณ์เหมือนโดนขุนเพื่อ.. เอ ..  เพื่ออะไรกันนะ)
 
อาหารของที่นี่คือสวรรค์ของคนไดเอ็ท มีแต่ใบไม้และปลาแม่น้ำโขงเท่านั้น
เพิ่งรู้ว่าใบไม้ก็กินได้! ไม่ใช่ผักแต่หน้าตาเหมือนใบไม้ใบเป็นๆจากต้น หรือเหมือนที่ร่วงอยู่ตามพื้นเลยง่ะ
..ฉันจะเป็นกวาง (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองกำลังกินใบไม้เอาไว้)
 
 
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ในที่สุดก็ได้เหยียบต่างประเทศครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการ
(ก็ไม่ต้องใช้พาสปอร์ตหรือบัตรปชช.ด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่จัดการให้ และมันก็ได้เหยียบแค่ขอบๆประเทศเอง)
สะหวันนะเขต – ข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว 2 จากมุกดาหาร
แขวงคำม่วน – นั่งเรือข้ามฟากจากนครพนม (ที่เดี๋ยวจะได้รับ refer คนไข้จากรพ.นี้อยู่เรื่อยๆ -_-")
 
มองจากฝั่งไทยไป จะเห็นเทือกเขาเตี้ยๆฝั่งลาวเรียงขนานตามแม่น้ำโขงเป็นแนวยาว
(นี่เป็นการมองแค่สองมิติของเทือกเขานะ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วลึกเข้าไปในประเทศเค้าแค่ไหน)
เห็นใกล้ๆแบบนี้ ตอนไปจริงๆก็นั่งรถเป็นชม.เลยนะกว่าจะถึง
..เมื่อก่อนแถบนี้เคยเป็นของไทยด้วยป่าวหว่า?)
 
ทัศนียภาพฝั่งลาวก็เหมือนฝั่งไทยอะแหละ
ถ้าเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็คงไม่รู้ตัวว่าข้ามมาแล้ว
มีแต่ทุ่งนาทุ่งหญ้าแห้งๆเหมือนชนบทไทยทุกประการ 
(มันแค่ข้ามแม่น้ำมานี่นา)
 
ยกเว้น
1. ภาษาเขียน : อยู่ๆก็นิสัยอนุบาลกำเริบ นั่งอ่านมันทุกป้าย
2. ถนน : รถฝั่งนู้นพวงมาลัยอยู่ซ้าย เลนรถเลยกลับกัน
3. แพะ : เปลี่ยนจากควายเป็นแพะ แพะเยอะมาก มีเกือบทุกบ้านเลย
 
นอกนั้นให้อารมณ์ไทยหลายๆ สามารถใช้ภาษาไทยสื่อสาร ซื้อของด้วยเงินบาท (แถมยังมี oishi กินอีก แต่ขวดละ 25)
คอมเครื่องแรกที่เห็นที่ฝั่งลาว ..กำลังเล่น hi5 -_-‘
ส่วนคอมเครื่องที่สองที่เห็น ..กำลังดูสวรรค์เบี่ยงจากยูทูบ -_-"
นี่ตูอยู่ต่างประเทศจริงรึเนี่ย!
 
ที่เที่ยวก็มีแต่วัด ถ้ำ แล้วก็ร้านช็อปปิ้ง -_-"
เข้าวัดที่นี่ผู้หญิงต้องนุ่งซิ่น เลยต้องนุ่งทับกางเกง มีแต่คนบอกว่าเสื้อที่ใส่ไปเข้ากับซิ่นดี T-T รองเท้าแตะหนีบก็ด้วย
 

 
 
พี่ intern ก็พาเที่ยว..
Mekong Underwater World พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่พบในแม่น้ำโขง
มีแต่ปลาอารมณ์สีเทาๆน้ำตาลๆแบบที่มักจะเห็นอยู่บนจานมากกว่าพิพิธภัณฑ์น่ะนะ
เดินไปคิดไปว่าตัวแบบนี้เค้าพาไปกินมารึยังน้า 
เดินไปก็หิวไป(เล็กน้อย)
ถ้ามีภัตตาคารอาหารข้างๆพิพิธภัณฑ์ก็จะครบสูตรเลยทีเดียว -_-"
 
แก่งกะเบา
แหล่งเล่นแม่น้ำโขง
สามารถเล่นพิสดารด้วยการนั่งห่วงยางจากต้นน้ำ ปล่อยให้ไหลไปตามกระแส(เด็กแนวเล่นไม่ได้)(เหียกอีกละตู) แล้วรีบจ้วงเข้าฝั่ง(เป็นอ่าวเล็กๆ)ก่อนที่กระแสน้ำจะพัดไปไกล
มหัศจรรย์ดี.. จ้วงเลยกระแสน้ำมาก้าวเดียวน้ำก็นิ่งมากอะ
 
เล่นหลายรอบเริ่มรู้สึกว่าไม่ยากแฮะ  พวกเราเลยฟอร์มทีมระบำใต้น้ำเพื่อเข้าแข่งโอลิมปิกครั้งถัดไป
ห้าคนห้าห่วงโคตรน่าห่วงก็มานอนเรียงตัวเกาะกันเป็นวงแหวนแต่ละคนกอดห่วงยางสองข้าง
พวกตูจะเอาเหรียญทองมาฝากประเทศให้ได้ ..นึง ส่อง ซั่ม!
 
ด้วยห่วงยางอันนึงต้องไว้เกาะสองคน ขึ้นไปนั่งอย่างปกติไม่ได้ เลยมีส่วนของร่างกายที่ต่ำกว่าน้ำเยอะ(โผล่แค่หัวกับแขน)
เป็นการเรียงตัวแบบเล่นแกรนแคนยอนที่ดรีมเวิลด์ แต่นี่เป็นเวอร์ชันเอาตัวเข้าแลก
แค่เริ่มต้นก็ขูดแก่งหินถลอกไปหลายแผลแล้วอะ(ใครโดนหมุนมาใกล้แก่งก็ซวยอะ ..ตูเอง)
 
เมื่อเลยแก่งใหญ่มาแล้วใกล้ถึงอ่าว ก็ช่วยกันจ้วงๆๆๆ อย่างสวยงาม ..เย้ จอดได้แล้ว
ยังอ้าปากค้างไม่ทันพูดจบ.. วงห้าตัวนี้ก็เริ่มเคลื่อนตัวต่ออีกครั้งด้วยกฎฟิสิกส์อะไรสักอย่างที่ตูก็จำไม่ได้แล้ว
เพราะเพิ่งจอดได้คนเดียวเอง อีกสี่คนสี่ห้าห่วงยังอยู่กลางกระแสน้ำอยู่ ..ก็ไม่รอดอะดิ
 
วงห้าตัวนี้ถูกน้ำพัดต่ออย่างแรง อีกคนที่หลุดจากกระแสน้ำได้ ก็โดนลากตามเค้ากลับไปด้วย
ยังคงเกาะกันเป็นวงแหวนต่อไป  ชั้นจะถูกพัดไปอย่างสวยงาม (จริงๆคือตูกลัว! ห้ามปล่อยตูนะเอ็ง)
 
ไปเกาะกันอยู่ที่เสาค้ำร้านอาหารถัดไปประมาณ 100 เมตร
..กระแสน้ำยังพัดแรง เสาไม้ก็มีเสี้ยน
มือกำลังจะหลุดอยู่แล้ว..
 
หลุดแล้ว!
ยัง.. ยังมีเสาต่อไปให้คว้าต่อ ..
ตอนนี้วงแตก กระจายกันหาเสาส่วนตัว .. คราวนี้ต่อให้เสี้ยนทิ่มยังไงก็ไม่ปล่อย ตะกายขาไปกอดเสาด้วยเลย เป็นลิงถือห่วงยาง
 
คนท้องถิ่นที่วิ่งตามมาช่วยพวกเรา ตามมาถึงพอดี มาช่วยตกลิงขึ้นจากน้ำทีละตัว
จังหวัดนี้เลยยังมี intern ไว้รับใช้เหมือนเดิม

.. เกือบโดนพัดไปถึงเวียดนามแล้วมั้ยล่ะ
 
 
ที่เหลือก็เป็นกิจกรรมกลุ่มปรบมือน่าเบื่อ, การปฐมนิเทศน์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด, เยี่ยมรพช.หลายแห่ง(ไม่รู้จะไปทำไมมันก็เหมือนๆกันหมดน่ะ -"-)
คาราโอเกะลูกทุ่งกันตลอดเวลาจนวันหลังๆเลิกมีมารยาท ขอกลับมานอนก่อนละ เหนื่อย
(อยู่ไปพักหนึ่ง..เพลงลูกทุ่งนี่เค้าก็เปิดกันอยู่ไม่กี่เพลงเหมือนกันละนะ)
เสียดายที่อดนั่งเรือล่องแม่น้ำโขงเพราะวันนั้นฝนตกพอดี T_T
ปล. มีแค่อาทิตย์นี้แหละ ที่ตูกินผัก(ใบไม้) พอถึงเวลาหาข้าวกินเอง ตูก็กลายเป็นตัวกินเนื้อเหมือนเดิม
———————————————————————————————-
ภาคผนวก : รูปตัวโง่ห้าตัวก่อนจะถูกพัดออกจากฝั่งไปเกาะเสาร้านอาหารข้างหน้าในเวลาต่อมา
 

บทสัมภาษณ์ 2 ปีก่อน

 
นี่คือบทสัมภาษณ์จขบ.ที่เขียนเล่นๆระบายความรู้สึกไว้ตั้งแต่ช่วง blog กำลังบูม
พอดีเขียนใส่กระดาษแล้วทำหายไปเลยไม่ได้อัพ
แต่ตอนนี้หาเจอแล้ว
 
 
 

 
 
คิดยังไงถึงสร้างสเปซขึ้นมา
เพราะเพิ่งเข้าใจว่าสเปซไม่จำเป็นต้องเป็นไดอารี่
แต่เราจะเอาไว้ทำโปรเจกต์อะไรก็ได้ 
(แต่สุดท้ายก็เป็นไดอารี่อยู่ดี -_-")
 
เห็นเคยพูดถึง "กฎ" การอัพสเปซอยู่ครั้งหนึ่ง กฎที่ว่าคืออะไร
1. ไม่อัพสเปซบ่อยกว่า 1 ครั้ง/สัปดาห์
2. อัพสเปซอย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน
มั้งนะ จำไม่ได้ละ กฎบ้าอะไรกัน
 
แล้วทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากอย่างนั้นด้วยล่ะ
ก็อยากให้แต่ละอันอยู่เป็นหน้าแรกนานๆ รู้สึกเสียดายถ้าจะให้มันถูกดันลงอย่างรวดเร็ว
แต่ก็กลัวร้าง ..เลยถือเป็นการฝึกระเบียบอย่างหนึ่ง 555 เรื่องอ่านหนังสือไม่สำเร็จไม่เป็นไร แต่ฉันต้องอัพสเปซทันเวลาค่ะ
ส่วนตัวเลข 1 สัปดาห์ กับ 1 เดือน นี่มาจากเลขสวยดี -_-"
 
อัพสเปซแต่ละอันนี่ส่วนใหญ่ใช้เวลานานเท่าไหร่
ก็แล้วแต่นะ ตั้งแต่ 10 นาที ถึง 10 ชั่วโมงเลยล่ะ
 
กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง
แปลกใจมากที่มีคนเข้ามาอ่าน (!)
ส่วนใหญ่เท่าที่ดูจากสถิติคนเข้าอ่าน จะเป็นพวกที่หลงมาจาก google มากกว่า 55 แบบว่าบังเอิญเปิดเจอ แต่น่าจะไม่ได้อ่าน (-_-")
โดยเฉพาะไอ้คำเสิร์ชว่า "นักศึกษาสาว" นี่มาบ่อยมากกกกกก
รองลงมาก็พวกที่เสิร์ชหาเรื่อง CO2 กับภาษาอังกฤษ(แบบอังกฤษ vs อเมริกันน่ะ จำได้ไหม)
ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง 555
 
ได้อะไรจากการทำบล็อกบ้าง
สนุกมาก.. มีอยู่ช่วงนึงนี่เห็นอะไรก็คิดเป็นบล็อกไปหมด แล้วก็นั่งขำคนเดียว -_-"
แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้เอามาพิมพ์จริงเพราะลืมหมดซะก่อน T-T
 
มีอยู่ครั้งนึง กำลังนั่งอ่านบทความบนเน็ตซึ่งค่อนข้างยาว อ่านๆไปประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็นานอยู่ .. เกิดจินตนาการว่าตัวเราเป็นคนอื่นที่กำลังนั่งอ่านบล็อกเราอยู่ แล้วมันเกิดความซาบซึ้งใจขึ้นมาว่าเคยมีคน"เสียเวลา"อ่านงานเขียนของเราแบบนี้ด้วย >_<
และมันก็ดีตรงที่ ทำให้ทุกคนได้รับสารจากเราโดยไม่ต้องพูดอะไรหลายที
(เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครได้รับบ้างนี่สิ..)
 
แล้วก็ทำให้รู้ด้วยว่า 1 เดือนนี่ไวมาก แป๊บเดียวก็ถึงกำหนดส่งต้นฉบับอีกละ
คิดแล้วเสียดายที่เกิดเร็วไป ถ้าได้เขียนบล็อกตั้งแต่มัธยม จะได้มีเรื่องหนุกๆเก็บไว้อ่านมากกว่านี้ 
(เคยมีอีเมลที่เขียนตอนอยู่ม.ปลายหลงเหลือมาฉบับหนึ่ง พบว่ามันไร้สาระมากๆๆๆ แต่สนุกดี)
 
———————————————————————————
 
ข้อความจากปัจจุบัน * ต้องขออภัยที่ไม่ได้อัพมานานมาก
1 ปีมานี้หัวสมองจขบ.ค่อนข้างว่างเปล่า(กว่าปกติ)
 
 

Link

 
 
 
Book
 
 
Movie
 
Magazine
 
 
Comic
 
 
Miscellaneous
 
 
Illustration
 
 
Blog
แทนไท(ทำไมเว็บมันล่มไปแล้วฟะ) | วิชัย | repentant | บองเต่า | บิ๊กบุญ 
 

UnBlog

 
แปลว่า ที่ไม่ได้เป็นบล็อก
(เลียนแบบมาจาก Unplugged ..ไม่เกี่ยว)
 
บังเอิญเปิดบล็อกเก่าเพื่อลบ junk comment
เจอไอ้ที่พิมพ์แอบๆไว้ในคอมเมนต์กะว่าจะขยายเป็นบล็อกทีหลัง
แต่สุดท้ายจขบ.เองก็ลืม เหมือนฝังกล่องสมบัติไว้ใต้ต้นไม้ อีก 7 ปีค่อยมาขุดเจอ (เพ้อเจ้อ)
 
เลยนั่งรวบรวมมาไว้ในบล็อกนี้
(แม่มเอ๊ย ตูนั่งหาตั้งนาน มันก็มีแค่สองอันเองนี่หว่า)
(แต่นั่งอ่านบล็อกเก่าๆของตัวเอง ก็สนุกดีนะ)(ขอชมตัวเองนิดนึง .. ตอนนี้ชีวิต depressed มาก)
 

รีวิวสอบคอมพรี
 
> ข้อสอบประมวลความรอบรู้อะไร ออกข้อสอบไม่เห็นจะหลากหลายเลย! (หมายความว่าคุณจะเจอแต่เรื่องเดิมๆที่ทำไม่ได้ T_T)
ทำแล้วเบื่อมากๆ.. นี่ตรูต้องทำแบบนี้ 4 รอบเลยเหรอเนี่ย (ถ้าตกก็ต้องทำอีก 4 รอบเลยเหรอเนี่ย!)
ไม่ค่อยชอบที่ออกซ้ำ/คล้ายข้อสอบเก่าอะ = คนอื่นทำได้ชัวร์ T_T
 
> ไม่เคยใช้สมองเยอะขนาดนี้เลย!!!
อย่างนี้ถ้าออก opd แล้วตรวจคนไข้เป็นร้อยคงมึนกว่านี้เยอะเลยเนอะ ต้องซักปว.ตรวจร่างกาย,สั่งยาด้วย  ….นี่ขนาดเราแค่นั่งฝนคำตอบเอง เล่นเอาเราปวดขมับเลยนะเนี่ย(หลังจากห่างหายอาการนี้ไปมาก..อาการแบบที่ต้องนอนให้เลือดมันไปเลี้ยงหัวแล้วจะสบาย ..มันเรียกว่าเป็นอะไรฟะ? ใช่ tension headache ปะ)
ดังนั้น การเตรียมตัวของเราคือ.. นอนตุน (ตอนทำข้อสอบวันนี้จะหลับให้ได้เลย เกือบตัดสินใจขอหลับสักงีบก่อนแล้วค่อยลุกมาทำต่อ ..แต่พอดีไม่มีนาฬิกา)
 
ว่าแล้วก็ลืมนาฬิกาอีกอยู่ดี .. ตั้งแต่ปลายปี 4 จนบัดนี้ ไม่เคยเข้าสอบอย่างมีนาฬิกา และไม่เคยเหลา 2B ของเราใหม่เลย (มิน่า..)

——————————————-
นี่คือที่เรานั่งพิมพ์คืนก่อนประกาศผลสอบคอมพรี
กะว่าผลออกปุ๊บ อัพเลย (!)
(อย่างกะหนังสือพิมพ์ ..แฮ่)
——————————————-
 
..catastrophe แปลว่า ความหายนะ..
 
วางแผนไว้ว่าจะอ่านข้อสอบเก่าแค่ 2 ปี(ยังคิดอยู่เลยว่าน้อยไปมั้ย)
แต่ในที่สุดก็อ่านได้ไม่จบครบปี
ช่วยไม่ได้ละนะ ต้องนอนเตรียมสมองไว้ก่อน .. ข้อสอบแบบนี้มันสำคัญที่ statusสมองตอนสอบใช่ไหม
 
round 1 : เช้าวันเสาร์
แจ่มใสแต่เช้า อ่านข้อสอบ 10 ข้อแรกอย่างสมองปลอดโปร่ง:)
ช่างไม่รู้เลยว่าเจ้ากำลังจะถูก ความง่วง attack อย่างแรง
ข้อสอบก็เริ่มเข้าสู่ช่วงยากอย่างแรงเช่นกัน!
ขอนอนก่อนได้ไหม .. แล้วเดี๋ยวค่อยตื่นมาทำต่อ นะ นะ นะ
(เราคิดขนาดนี้แปลว่าไม่ไหวจริงๆแล้วนะ ปกติมีแต่รีบทำรีบออก ไม่นอนในห้องสอบถ้าทำไม่เสร็จหรอก
.. อืม มีครั้งนึงแฮะที่เคยหลับจริง แหะ ตอนสอบเอนท์วิชาEรอบ2)
ไม่ได้ เราจะนอนไม่ได้ .. ถึงพี่เจ้าหน้าที่อาจจะช่วยปลุก แต่ตื่นมาก็คงทำไม่ทัน
ลองพลิกไปเริ่มต้นใหม่จากข้อสุดท้ายละกัน
พลิกกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่หน้ากลาง
สุ่มข้อทำดีกว่า
ข้อแล้วข้อเล่า
..ทำไมมันมีแต่ทางตันวะ!
เป็นครั้งเดียวที่เราออกจากห้องสอบตรงเวลา..
 
ณ ที่สาธารณะ
เพื่อนๆคุยกันเรื่องตอบข้อนี้ๆๆ .. T_T ไม่ถูกสักข้อเลย ไม่คุยด้วยแล้ว ได้โปรด.. เลิก
อยากจะเปิดหาเฉลยข้อสอบ แต่ก็กลัวเสียใจ
มันออกไปแล้วคงไม่ออกแล้วมั้ง
 
..disaster แปลว่า ความหายนะ..
 
round 2 : บ่ายวันเสาร์
หลังผ่านสมรภูมิตอนเช้า ก็ซื้อลูกอมเตรียมมาอย่างดี (ข้าพเจ้าเพิ่งรู้ว่ามันเอาเข้าห้องสอบได้-_-" เห็นกินกันทุกคน
กรอบแกรบ กรอบแกรบ.. คือเสียงฉีกกระดาษห่อ)
หยับหยับ หมุบหมิบ มุบมิบ ..ผ่านไปยังไม่ถึง 20 ข้อ ลูกอมใกล้หมดแล้ว T_T
สนใจแต่การกินจนสปีดทำข้อสอบตกต่ำ
 
ไม่ไหวแล้ว! จะอ้วกแตกออกมาเป็นชายไทย
ต้องรีบสแกนหาข้อที่ไม่ใช่เคส
..ไม่มี
ม่ายยย  มีแต่ข้อที่เป็นนิติเวช/เวชศาสตร์ป้องกันไปเลย
 
ซิฟิลิส, ปวดข้อ, เด็กเป็นไข้, muscle weakness … ฉันกำลังมี hallucination ใช่ไหม
ข้อสอบบ้าอะไรฟะ
 
..ต้องรีบไปงานรับปริญญาเพื่อนต่อจากนี้
ว่าแล้วก็รีบทำสุดชีวิต กลัวว่าจะออกจากห้องสอบไม่ทันหนีการกักตัว 15 นาทีสุดท้าย
รีบทำข้อสอบแบบคนไม่มีนาฬิกา ..ผลลัพธ์เลยออกมาเป็น  3โมง !
ทำเร็วเกินไปหรือเนี่ย เหลืออีกตั้งชม.
 
..ruin แปลว่า ความหายนะ..
 
round 3 : เช้าวันอาทิตย์
ไม่ยอมเป็นเหมือนเช้าวานแล้ว ..กาแฟ
เป็นความทรมานอย่างมาก ถึงขั้นนี้แล้วกลัวตกจับใจ
ไม่ใช่กลัวผลลัพธ์แล้ว แต่เป็นการกลัวต้องมานั่งสอบแบบนี้ใหม่
อีก 12 ชั่วโมง!
 
round 4 : บ่ายวันอาทิตย์ (ยิ่งพิมพ์ยิ่งเศร้า – ส.อา.ของฉันT_T)
เป็นชุดที่ทำแล้ว"มีลุ้น"ว่าน่าจะผ่านนะ
———————————-
> คืนก่อนประกาศผล
ตื่นเต้น
นอนไม่หลับเลย .. ต้องลุกขึ้นมานั่งเขียนบล็อกในความมืด
อยากรู้ผลสอบเร็วๆจัง
ถ้าเราตก.. ติวก็โดด
 
เขียนบล็อกเสร็จ.. เริ่มอยากตกนิดๆเพราะข้าพเจ้าจะได้อัพบล็อกสนุกแน่
 
..tragedy แปลว่า โศกนาฏกรรม..
 
> ชั่วโมงก่อนประกาศผล
กำลังเดินทางไปดูหนัง ณ สยาม
จะได้ร้องไห้เพราะ Nada Sou Sou หรือเพราะอย่างอื่นก็จะได้รู้กันเร็วๆนี้แหละ
 
> หลังประกาศผล
เห็นคนตกแล้วรู้สึกผิด
อยากตกแทน 😦
มันควรจะเป็นคนแบบเรามากกว่าไม่ใช่เหรอ คนที่มัวแต่เล่น โดยไม่ได้คิดเลยว่ามันอาจมีผลกระทบต่อจิตใจใครก็ได้
 
> หลังรู้ว่าคนที่ตกต้องรอสอบใหม่ปีหน้า
ไม่อยากตกแทนแล้วอะ สิ่งที่เกลียดที่สุดอย่างหนึ่งคือ การอยู่ในภาวะมีภาระโดยทำอะไรไม่ได้
ดีนะเนี่ยที่ผ่าน
 
-_-"
 
 
 

Pain Therapy
elective อะไรเลิก 6 โมงเย็น!
กลับถึงห้องตั้งทุ่มนึง
 
1
สองสัปดาห์นี้เป็นการเรียนวิชาเลือก และวิชาที่เราเลือกคือ pain therapy
 
เลือกเรียนนี่เพราะ มันไม่ค่อยมีคนลง ไม่ต้องไปแข่งขันจับฉลากกับใครในวิชาว่างๆที่คนรุมสมัคร อันนี้ก็คิดว่าว่างปานกลางนะ 2อาทิตย์ก่อนสอบใหญ่ ใครก็อยากว่าง
ออก OPD ตอนเช้า .. พอมีเวลาว่างเหลือ อาจารย์ลองเอาเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าที่เค้าไว้ใช้กระตุ้นให้ลดปวด มาลองให้พวกเราเล่น เราเลยเล่นด้วย หึหึ ต่อไฟฟ้าผ่านแขนตัวเอง พอเร่งไฟฟ้าไปจนระยะหนึ่งแขนจะกระตุกๆเองได้ด้วยแหละ .. ก็ให้ความรู้สึกไฟช็อตธรรมดาแหละนะ แต่แบบอ่อนๆ 18V
 
นอกจากได้เล่นไฟฟ้า แล้วยังได้ลอง "ฝังเข็ม" ด้วยล่ะ! .. ให้อาจารย์ลองฝังให้คนละเล่มว่ามันรู้สึกยังไง .. โฮ เข็มยาวทีเดียว ส่วนที่ปักลงผิวหนังยาวเป็นนิ้วอะ แต่จุดที่เราโดนปักนี่คือหลังมือค่อนไปทางนิ้วก้อยนี่ปักไม่ลึกเหมือนคนที่โดนปักตรงนิ้วโป้ง .. นั่งดูตัวเองตอนโดนทิ่มก็เสียวดี .. แต่มันไม่เจ็บเลยแฮะ …. มันให้ความรู้สึกปวดๆหนักๆลึกๆน่ะ มันเป็นความเจ็บปวดผ่านเส้นประสาทคนละอย่างกับมีดบาดน่ะ
และแล้วอาจารย์ก็แจกชีทมาสองชุดให้อ่านก่อนเรียนวันรุ่งขึ้นด้วย T_T (อยากอ่านที่จะสอบมากกว่าอ้ะ)
 
ตอนนี้ที่ภาควิชานี้มีหมอจากประเทศ"ภูฏาน"มาศึกษางานเป็นระยะเวลาหนึ่ง ..ภูฏาน น่าตื่นเต้นมั้ยล่ะ ประเทศของเจ้าชายจิกมี .. ข่าวคนไทยบ้าเจ้าชายทำให้เราเบือนหน้าหนีจากประเทศนี้ตลอดเวลา ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราชอบประเทศนี้นะ .. ชอบความสงบ ชอบ"ชื่อประเทศ"อ้ะ เท่ห์ดี 🙂 (เหตุผลก็ทุเรศๆพอๆกะคนที่ชอบเจ้าชายแหละเนอะ) .. แต่มาคิดดูอีกที มันก็เป็นธรรมดาแหละนะที่คนจะบ้าเจ้าชาย อย่างคนอังกฤษยังบ้าเจ้าชายวิลเลียมขนาดนั้น (ส่วนเราชอบแนวเจ้าชายวิลเลียมมากกว่า :D) (แต่คิดอีกทีพ่อของเจ้าชายจิกมีตอนหนุ่มๆซึ่งก็คือกษัตริย์ตอนนี้นี่โคตรหล่ออะ)
 
พี่หมอคนนี้ก็มาจากรพ.ชื่อไรยาวๆนำหน้าด้วยคำว่าจิกมี .. วันนี้เค้ามี present เกี่ยวกับการสาธารณสุขและแนะนำประเทศคร่าวๆ .. แน่นอนว่าเป็นภาษาอังกฤษ T_T (เค้าพูดได้คล่องมากๆๆอะ แต่ฟังยากจังเลย ฟังแล้วอย่างกะเราไม่ไดัฟังภาษาอังกฤษอยู่ ..มันรัวๆๆเหมือนภาษาอินเดียอ้ะ)
.. Brutan, country of the Peaceful Dragon .. ธงเป็นรูปเงามังกรสีเหลืองๆพื้นหลังสีเหลืองแดง (เล่ามั่วจากความจำ)
นโยบายของประเทศนี้เท่ห์มากอะ ประเทศอื่นเค้าดู GNP (gross national product) เป็นหลัก .. ที่นี่ดู GNH "Gross National Happiness" !!!
ประเทศที่ไม่มีถนนระหว่างจังหวัด หน่วยอุบัติเหตุก็ไม่ค่อยต้องทำงานเพราะถ้ามีอุบัติเหตุก็ almost dead
ว่าแล้วช่วงกลางที่เข้าเรื่องสาธารณสุข ..เราก็หลับไป
 
ตื่นมาอีกที .. ก็เป็นเรื่องวัฒนธรรม .. ชอบพวกเครื่องแต่งกายในงานประเพณีของเค้าจังอ้ะ โดยเฉพาะชุดยมฑูต
แล้วเค้าก็โชว์รูปบ้านเรือน วัด ฯลฯ ..แปลกตาดี (ชอบดูอะไรพวกนี้แฮะ)
อาจารย์สนใจถามแต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสาธาณสุขเหมือนกัน ๕๕ ตั้งแต่เรื่องการทำพิธีศพ ห้องน้ำใช้แบบไหน ฯลฯ
 
ที่ภาควิชา มีขนมของฝากจากเนเธอร์แลนด์ด้วย อร่อยมากเลย!
ไม่รู้ชื่อขนมอะไร นึกถึงขนมหน้าแตก .. หน้าตาเป็นขนมปังกรอบกลมๆแบนๆแบบหมดจด คือทำหน้ากับขอบเรียบมากอะ ตรงหน้าวงกลมเป็นลายตาราง แผ่นใหญ่ว่าฝ่ามือนิดหน่อย หนาประมาณ 1 ซม. พอกัดเข้าไปจะอเมซซิ่งกับการที่มันมีไส้! ขนมบางขนาดนี้ยังมีไส้สุดหอมอยู่ด้วย! ไส้นี้คล้ายๆกับคาราเมลนะ แต่ใสและหอมกว่า ไม่หวานเท่า (อาจเป็นคาราเมลชนิดหนึ่ง?) .. สรุปว่าชอบมากๆ (อีนี่บรรยายขนมซะยาว)
 
ขณะที่เรียนอยู่ที่ภาควิชานี้ อ.บอกให้สบายๆ เหมือนอยู่บ้าน .. อ.ใจดีกันมากๆ พี่ๆก็ใจดี ของกินก็เยอะ ในห้องมีโซฟาด้วย … ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้านได้จริงๆ 🙂
แต่มีรายงาน 2 ฉบับนี่สิ T_T .. จะสอบแล้วแท้ๆเลย ไม่มีอารมณ์เขียนรายงานเลย
มันจะมีวอร์ดต่างๆส่งเรื่องมาปรึกษาภาควิชานี้เกี่ยวกับการระงับปวดของคนไข้ใช่ม้า .. ทางนี้ก็ส่งให้เรา"คนเดียว"ขึ้นไปดูเป็นคนแรกเลยล่ะ .. เท่ห์ชะมัดเลย -_-" มาถึงวันแรกก็ให้เป็นด่านหน้าออกปฏิบัติงานเลย "มาจากหน่วยระงับปวดนะคะ".. เหอะๆ เสร็จแล้วโทรเรียกพี่มาดูให้อีกที
 
สรุปว่าที่เรียนนี่ก็ดีนะ แต่มันหวั่นใจยังไงไม่รู้ จะสอบแล้วต้องมานั่งอ่านเรื่องใหม่นี้อีก
กลับมาถึงหอนี่เล่นเน็ตชม.นึง แล้วนอนตั้งแต่ 2 ทุ่มเลย ไม่ได้อาบน้ำ T_T
 
2
ตอนนี้เพิ่งเลิกเรียน .. สิ่งที่ได้มาในอยู่ในมือ คือ …. เบียร์!
เบียร์เชอร์รี่จากเนเธอร์แลนด์ โอ้วว
เจ้ากระป๋องใบนี้น่ะหรือเคยสัมผัสอากาศของเนเธอร์แลนด์มาแล้ว~ เท่านี้โมเลกุลของเราก็มีความเกี่ยวข้องกับเนเธอร์แลนด์แล้วล่ะนะ 😀
คิดแบบนี้ ที่จริงของหลายๆอย่างก็มาจากต่างประเทศทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ … แต่อย่างนั้นก็ไม่โรแมนติกน่ะสิ
เท่ห์จริงๆเลย ..กินเบียร์ไป อ่านหนังสือไป 
ความสนุกของการอยู่ภาควิชานี้อย่างนึง ก็คือ การหาของกิน
 
เมื่อกี๊ตอนนั่งเรียน ก็กินคุกกี้ไปด้วย คุกกี้ S&P กระป๋องหรูสไตล์คลาสสิก รสนมหอมอร่อยสุดๆ กินไปตั้ง 9 ชิ้นใหญ่ (ว่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ .. ฟรี)
ตอนเช้าก็ลองชงกาแฟแปลกๆกิน กาแฟเกรดเอจากภาคเหนือ กาแฟไรไม่รู้ของต่างประเทศ .. ยังมีชาต่างๆ ที่ยังไม่ได้ชิมอีกตั้งเยอะแน่ะ ทั้ง ชาเลมอน ชาแอปเปิ้ล ฯลฯ เยอะกว่ากาแฟอีก!
อื่นๆก็ ส้มตำ แยมโรล ขนมปัง ฯลฯ
 
ว่าแล้วก็กินเบียร์ต่อ

 
 
 
ปล.มีในคอมกับใน draft อีก แต่ไม่รู้อยู่ไหน

2550

 
ปี Extern
 
(อะไรที่มีรูปคืออะไรที่)
 
 
Books
54 เล่ม
เลือกหยิบแต่เล่มบางๆมาอ่าน
 
เด็กยอดเก่ง (Danny The Champion of the World) – Roald Dahl
วรรณกรรมเยาวชน
– เฉยๆ แต่ยังไงฉันก็จะตามอ่านวรรณกรรมเยาวชนของโรอัลด์ ดาห์ลให้หมด
 
 
Open House 6 2005 มีนา คาราโอเกะ ฉบับหลงกลดนตรี – หลายคนเขียน
 
 
ความสุขของกะทิ – งามพรรณ เวชชาชีวะ
– ก็เหมือนวรรณกรรมเยาวชนทั่วไป
 
 
Play – bookazine
วารสารเกี่ยวกับดนตรี
– ทุกคอลัมน์เอาแต่พล่ามว่าเป็นเล่มแรก ตั้งแต่ต้นยันจบเล่ม เข้าใจแล้วว่าทำไมขายไม่ออก
 
 
ทำอย่างไรให้โง่ (Comment je suis devenu stupide) – Martin Page
ชายผู้ฉลาด(?)จนโคต-รเครียดเพราะคิดมากกับทุกเรื่องเล็กน้อย เช่น
– อ่านแล้วจะเป็นบ้าตามมันไปด้วย ฉันก็คิดมากหรอวะ?
 
 


เท่ารักเธอ – อรุณี ศรีสุข
นิยายรักรสขม
– ชอบอะ ตัวละครดูเจ็บปวดดี และชอบที่ภาษาที่ตัวละครสนทนากันเป็นภาษามนุษย์พูดมากกว่าภาษาเขียน

 

 

Human Rights + Human Writes – หลายคนเขียน
รวมเรื่องสั้นสิทธิมนุษยชน
– ชอบสองเรื่องแรกมากๆ(แต่จำไม่ได้ -_-")
 
 
 

บันทึกของเจ้าหญิง (เล่มพิเศษ) ตอน บทเรียนสำหรับเจ้าหญิง (Princess Lessons) – Meg Cabot
วรรณกรรมแปลแนวทวีน
-ยังสนุกสไตล์ เม็ก คาบอท
 
 
 

เบล แคนโต้ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า (Bel Canto) – Ann Patchett
เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้าล้อมงานปาร์ตี้สำคัญของประเทศสมมติแห่งหนึ่ง
– ชอบการบรรยายของเธอมาก มีอารมณ์ขันและเห็นภาพ ..ไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องที่ดำเนินอยู่ในฉากเดียวตลอดจะสนุกและลึกซึ้งได้แบบนี้
 
 
 

ศตวรรษจีน – วรศักดิ์ มหัทธโนบล
ย่อยประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ รู้จักคนจีนในหลายๆแง่มุม
– นิสัยและพฤติกรรมต่างๆล้วนมีที่มา ชอบที่ได้เข้าใจ และเข้าใจ
 
 
นักคิดและนักวิทยาศาสตร์ – ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล
รวม Quotes
– ดีแบบโควตๆ
 
 
ขอความรักบ้างได้ไหม – พิบูลศักดิ์ ละครพล
– ทำไมนิยายรักโรแมนติก ชอบมีแต่เชียงใหม่นะ และตัวละครก็ต้องเป็นเด็กมีปัญหาด้วย
 
 
 

โทโมโกะ คนใจเล็ก – ซูซูกิ โทโมโกะ
– พิสูจน์ว่าจขบ.ใจเล็ก แต่คนเขียน severe กว่าตูเยอะ 555
 
 
 

หัวใช้เท้า – วชิรา
บทความเชิงท่องเที่ยวกึ่งนิยาย
– ชอบ เพราะนายนี่ดูเพี้ยนๆดี
 
 
 

ซอมคี (Soumchi) – Amos Oz
– วรรณกรรมเยาวชนสไตล์เด็กชายแก่แดดที่เราชอบ
 
 
 

Alice’s Adventure in Wonderland – Lewis Carroll
– ต้นฉบับสนุกดี (เพิ่งเห็นว่าเรื่องนี้สนุกเป็นครั้งแรก)
 
 
 

* Paradise Lost  สวนสวรรค์ที่สาบสูญ – Jimmy Liao
– ชอบเล่มนึงในชุดนี้ที่ dark ที่สุด แต่จำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน เหล่าตัวละครที่มืดหม่นทั้งหลาย!
อ่านแล้วแต่งตัวละครเพิ่มไว้ตั้งหลายตัว >_<
 
 
 

* คนบ้ารัก – คังพุล (2 เล่มจบ)
– การ์ตูนเน้นเนื้อเรื่องซึ้งสไตล์หนังเกาหลี ที่สนุกกว่าหนังเกาหลีส่วนใหญ่
(เริ่มสนุกตอนเล่ม 2 นะ)
 
 
ปีกนางฟ้า – Banana Yoshimoto
– อ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้อ่านอะไรเลยเหมือนที่อ่านเล่มก่อนๆของเธอ
 
 
 

เจ้าลาเวนเดอร์สีม่วงเอย (The Ordinary Princess) – M.M.Kaye
เจ้าหญิงได้รับพรเมื่อแรกเกิดขอให้เป็นคนธรรมดาๆ
– เทพนิยายแฝงกลิ่นทวีนที่เรารัก
 
 
 

แพดดิงตัน (A Bear Called Padding ton) – Michael Bond
วรรณกรรมเยาวชน
– หมีแก่แดดดี รูปน่ารักมาก
 
 
 

* เก็น เจ้าหนูสู้ชีวิต (Hadashi no Gen) – Keiji Nakazawa
(10 เล่มจบ)
การ์ตูน
– สู้ชีวิตมาก ชอบ 3 เล่มแรก เหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงดี
 
 
 

นักสืบคลาสสิก – หลายคนแปล
รวมเรื่องสั้นสืบสวนชื่อดังจากศตวรรษก่อน
– สนุก+บรรยากาศคลาสสิก ชอบอะ
 
 
 

*Improvise – ทรงศีล ทิวสมบุญ
การ์ตูนด้นสด
– ตัวละคร+เนื้อเรื่องดิบดี เปลี่ยนใจกลับมาชอบคนวาดคนนี้เลย
 
 
 

สาวน้อยสื่อวิญญาณ 4 ตอน ความลับในบ้านหลังใหญ่ (The Mediator 4 – Darkest Hour) – Meg Cabot
วรรณกรรมแนวทวีน
– ผีพระเอกจะน่ารักเกินไปแล้ว
 


เรื่องเล่าของหมู(สาว) (Pig Tales) – Marie Darrieussacq
– เมื่อทำใจได้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นแนวไหน(ไม่ใช่ชิกลิทแต่เป็นแนวเสียดสี) ก็ค้นพบว่ามันตลกมาก
..ตัวเอกไร้สมองน่ารำคาญนั่นเป็นการแดกดันของคนเขียนต่างหาก

 


ห้องครูวิไลตึกใหม่ชั้นสอง – ประภาส ชลศรานนท์
นิยายขนาดสั้น
– ขำๆเบี้ยวๆ สไตล์ประภาส
 
 
โจนาทาน ลิฟวิงสตัน นางนวล (Jonathan Livingston Seagull) – ริชาร์ด บาก
– อ่านแล้วดันนึกถึงแต่สัญลักษณ์ที่น่าจะซ่อนอยู่ ค่อนข้างเอียนแนวนี้(ปรัชญา)
 
 
 

Metropolis เมืองใหญ่ในวงเล็บ – วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
บทความเกี่ยวกับชนชั้นกลางในเมืองใหญ่
– อ่านอิ่ม+สะใจ อ่านแล้วถึงกับต้องพลิกดูชื่อผู้เขียนและจำไว้ บทความในดวงใจ คือ Cool, Nostalgia, ฯลฯ
แล้วจะไปหาหนังสือเล่มอื่นของคนนี้มาอ่าน
 
 
Miracle of Art มหัศจรรย์แห่งศิลปะ – พิษณุ ศุภ.
รวมบทความเกี่ยวกับศิลปะ
– ผู้เขียนพยายามเป็นกลางดี แต่ก็ยังดูไม่เข้าใจความงามของคณิต/วิทยาศาสตร์ฯลฯ
ไม่ชอบที่นำภาพศิลปะของศิลปินไทยมาลงในสัดส่วนที่มากเกิน(จะแนะนำศิลปะทั้งที อยากดูภาพที่ยิ่งใหญ่กว่านี้)
และหลายๆบทมีเนื้อหาซ้ำซ้อนกันมากไป(เพราะเขียนไว้แยกลงในนิตยสาร)
 
 
เอดส์ไดอารี่ วินาทีชีวิต – แก้ว
– เขียนอย่างที่คิด
 
 
ห้องสีเหลืองกับผู้หญิงคนนั้น (The Yellow Wallpaper) – Charlotte Perkins Gilman
– อ่านแล้วบีบคั้นมากๆ จะเป็นโรคจิตตามเธอ
อ้าว.. เป็นวรรณกรรมสะท้อนสิทธิสตรีหรอกเรอะ ช่างซ่อนสัญลักษณ์ได้เนียนมากจริงๆ!
 
 
Mimic เลียนแบบทำไม? – แทนไท ประเสริฐกุล
– เขียนเรื่องวิชาการได้สนุก อยากมีครูแบบนี้บ้าง แต่หัวข้อนี้ดันเคยอ่านจากหนังสืออื่นมาแล้วก็เลยไม่ตื่นตาตื่นใจ T_T
 
 
สวยใสสไตล์ญี่ปุ่น – จินนี่ สาระโกเศศ
– หลงซื้อมาเพราะรูปสีน้ำน่ารัก ส่วน content นี่เปิดเน็ตอ่านจากโต๊ะเครื่องแป้งดีกว่า
 
 
 

โมจิ โปจิ (Mochi Pochi) – Yumiko Kobayashi
เค้าบอกว่าเป็น Men are from Mars… ภาคการ์ตูน(สี่ช่อง)
– เลือกยกเรื่องราวมาได้น่ารัก
 
 
อันตราคนี (Antigone) – Jean Anouilh
บทละคร
 
 
Good Old Days วันดีคืนดี – สืบสกุล แสงสุวรรณ
รวมบทความเกี่ยวกับสิ่งต่างๆจากสมัย gen x ยังเป็นเด็ก
– อยากรู้ว่าคนอื่นเขา nostalgia อะไรกัน
 
 
 

ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 – วินทร์ เลียววาริณ
 
 
 

11นาที (Eleven Minutes) – Paulo Coelho
– ลึกซึ้งดี
 
 
 

เรื่องเหลือเชื่อ (Tales of the Unexpected) – Roald Dahl
รวมเรื่องสั้นแปลกประหลาด
 
มิสซิสบลูมอยากรู้จักคนส่งนม (Eigentlich mochte Frau Blum den Milchmann kennenlernen) – Peter Bichsel
 
 
 

ดินแดนหลับสบาย (Die Zauberschule Und Andere Geschichten) – Michael Ende
รวมนิทาน
– ชอบมิคาเอล เอ็นเด้จริงๆว่ะ
 
 
 

ขอชื่อสุธีสามสี่ชาติ – ประภาส ชลศรานนท์
รวมเรื่องสั้นที่สุธีจะเป็นตัวเอกทุกเรื่อง
 
 
 

คนไม่รู้หนังสือ (Analfabeten) – Ivar Lo-Johansson
วรรณกรรมรันทดสู้ชีวิต
– หนังสือแบบที่ต้องค่อยๆละเลียดอ่าน
 
 
 

เมื่อโชคมาต้องหาเก้าอี้ให้นั่ง (Wenn das Gluck kommt) – Mirjam Pressler
วรรณกรรมเยาวชน
– ตัดสินใจว่าชอบเด็กคนนี้ทันทีเมื่อได้อ่านปกหลัง
 
 
 

Japanization – อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์
ย่อยความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมญี่ปุ่นฉบับกะทัด
 
 
เดิน วิถีแห่งสติ – ติช นัท ฮันห์
เกี่ยวกับการเดินจงกรม
– สงบอย่างประหลาด
 
 
 

ศาสตราจารย์กับปราชญ์วิกลจริต (The Professor and the Mad Man) – Simon Winchester
สองบุรุษผู้ให้กำเนิดพจนานุกรม Oxford
– เท่ห์สุดๆ คนรักภาษาน่าจะชอบ
 
 
 
Open House 2 2002 ตุลาคมคะนอง ฉบับเหลวแหลกไม่ลดละ – หลายคนเขียน
 
 
 
ฮิโตะคะเกะ หญิงสาวผู้หวาดกลัวความสุข (Hitokage) – Banana Yoshimoto
– อ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้อ่านอะไรเลยเหมือนที่อ่านเล่มข้างบนนู้น แต่เห็นเล่มใหม่ออกก็อยากอ่านมากอยู่ดี
 
 
 

ปริศนามนุษย์กลของ อูโก้ กาเบรต์ (The Invention of Hugo Cabret) – Brian Selznick
เล่าเรื่องด้วยตัวหนังสือสลับภาพ
– มีการซูมที่น่าสนใจ
 
 
 

โลกจิต – แทนไท ประเสริฐกุล
– ถ้าได้อ่านก่อนเรียน neuro คงสนุกมาก
เมื่อไหร่จะออกหัวข้ออื่นมาอีก
 
 
 

ดาวหางในเมืองมูมิน (Comet in Moominland) – Tove Jansson
วรรณกรรมเยาวชน
– เหล่าตัวละครโรคจิตดีชอบ มันออกจะเสียดสีคาแรกเตอร์ของผู้ใหญ่สไตล์ต่างๆนะ
 
 
 

ต้นไม้ใต้โลก – ทรงกลด บางยี่ขัน
รวบรวม 100 ความคิดซนๆของคนอยากเปลี่ยนโลก
– มองข้ามเรื่องรักษ์โลกน่าเบื่อไป อ่านเอาไอเดียสนุกๆ
 
 
 

วุฒิภาวะ ศิลปะของผู้ถึงพร้อม (Maturity The Responsibility of Being Oneself) – Osho
– อยากรู้ว่า mature คืออะไร อ่านจบแล้วก็ไม่รู้อยู่ดี เพราะเล่มนี้จะออกจิตวิญญาณและศาสนา
 
 
 

The Trials of Tiffany Trott ทิฟฟานี่ ทร็อตต์ เดทอย่างไรให้หายโสด – Isabel Wolff
ชิกลิต
– ก็ ok ทั้งสำนวนและพล็อต
 
 
 
* มหันตภัยขั้วโลกเหนือ (The Golden Compass) – Philip Pullman
เล่มแรกจากไตรภาค His Dark Material
– เล่มแรกไม่ค่อยสนุก แต่มันเป็นไตรภาค antiศาสนาคริสต์ ฉันต้องอ่านให้จบให้ได้ 555
 
 
 

Gone with the Wind วิมานลอย – Margaret Mitchell
– ความภาคภูมิใจของปี เพราะเล่มนี้หนาพันกว่าหน้า .. ชอบความเลวซึ่งๆหน้าของสการ์เลตและความเข้มแข็งของเธอ
 
 
——————————————————————
 
Music
 
ฟังเพลงน้อยมากๆๆๆๆๆๆๆ เพราะ..
"ความเงียบเท่านั้นที่จขบ.ต้องการ"
 
Ghost – The Voxtrot
 
——————————————————————
 
Movies
 
In Theatre
 

 
 
ชวนเด็กดูหนัง
– นี่มันตั้งใจทำหนังให้เด็กดูจริงๆหรือเปล่าเนี่ย หลายๆเรื่องซับซ้อนจัง
 
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
 
Night at the Museum
 
Perfume: The Story of  A Murderer
 
Dreamgirls
 
Babel
 
Nada SouSou
 
Smoking Aces
 
The Queen
– สุดยอด รักเรื่องนี้มาก
 
Udon
– มีอะไรมากกว่าที่คิด
 
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 ประกาศอิสรภาพ
 
Nana 2
 
Pan’s Labyrinth
-หดหู่ดี ชอบตอนจบ แต่ทำไมไม่มีใครบอกเรานะว่ามีส่วนที่เป็น animation น้อยมากเลย T_T
Spiderman 3
 
 
Transformers
– เหล่าหุ่นยนต์, พระเอก loser น่ารักอะ
 
Paris Jet’aime
 
Hairspray
– บันเทิงมากจนจขบ.หลุดโลก(ความจริงอันโหดร้าย)ไปตอนดู
 
The Brave One
– มีฉากที่ให้ความโรแมนติกอย่างไม่คาดคิด! (โรแมนติกมากอะ)
 
รักแห่งสยาม
– ดรามาดี
 
The Golden Compass
 
Rainbow Song
 
 
Home dvd (Only fav.)
 จำได้แค่นี้
 

 

 
Memories of Matsuko
Little Miss Sunshine
 
Series
 

Grey’s Anatomy
 
 

Despirate Housewives

Diary

 

 

งานหนังสือ 2/2551

 
ปีนี้หมกมุ่นอยู่กับหนังสือท่องเที่ยว
กวาดซื้อ [นิตยสารท่องเที่ยว : อสท, Trips] อย่างบ้าคลั่ง(หนักมาก) หลังตัดสินใจได้ว่ายังไงเราก็ไม่มีทางได้ไปเที่ยวเยอะ อย่างน้อยขอแค่ได้อ่านให้ euphoria แล้วเลือกเที่ยวเฉพาะที่ที่อยากไปมากจริงๆ
 
หนังสือใหม่น่าสนใจมีน้อยมาก แทบไม่มีอะไรเลย
(จขบ.สามารถเดินงานหนังสือแล้วเหม่อได้)
วรรณกรรมแปลน้อยลง
(ท่านที่รณรงค์ให้ซื้อหนังสือที่ร้านและคิดว่าวรรณกรรมแปลเกร่อคงจะดีใจ)
การ์ตูนที่เป็นพ็อกเก็ตบุคเติบโตมากขึ้น(?)
 
หนังสือส่วนใหญ่ที่ซื้อคราวนี้เป็น non-fiction
เป็น Fiction ใหม่เพียงเล่มเดียวเท่านั้น (ไม่รวม Fiction เก่าจากกระบะลดราคาที่อยู่ใน Wishlist พอดี)
จำนวนหนังสือโดยรวมน้อยกว่านิตยสาร
 
จากลางานหนังสือที่กรุงเทพฯได้อย่างไม่อาลัย
เปิดฉากการสั่งซื้อหนังสือทางเน็ตและซื้อจากร้านหนังสืออย่างเต็มตัว!
 

กระบี่-ตรัง ’51

ทริปคณะ
 
ถ้ำเลเขากอบ
เจ๋งสุดๆ
ลงเรือลำละ 6 คน กับเจ้าหน้าที่หัวเรือท้ายเรือ เข้าอุโมงค์
นั่งเรือชมถ้ำสลับเดินเป็นระยะๆ
(ถ้ำที่ไม่น่าใช้ไฟนีออนแบบสีติดเลยอะ
แดง เขียว เหลือง ฯลฯ อย่างกะงานวัดแน่ะ อย่างกะฉากหนังจักรๆวงศ์ๆด้วย)
 
เมื่อถึงช่วงหนึ่ง เจ้าหน้าที่หยุดเรือ
"เอ้า ต่อไปทุกคนต้องนอนลงนะครับ
  ..ข้างหน้าทางจะต่ำมาก"
 
หาาาาาาาาา นอนเลยเหรอ
เรือหยุดเพื่อให้พวกเราจัดท่าและที่ทางอยู่พักใหญ่
กวาดสัมภาระไว้ท้องเรือ จัดที่ให้ทุกคนสามารถนอนหงายแนบไปกับเรือได้ เหยียดขาไปด้านหน้า มือไว้ข้างลำตัวห้ามจับขอบเรือ
เรือเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ภาพหิน หิน หิน ผ่านตาไปเรื่อยๆ น่าเวียนหัวพอใช้
 
"อ๊ะ น้ำหยดใส่ปากเรา"
"น้ำหยดใส่ตาเรา!"
เสียงเพื่อนๆโวยวาย เพื่อนเราจะได้เป็นหินงอกหินย้อยแล้ว(แว้ว)
 
"ทางที่ต้องนอนไปจะยาวประมาณ 350 เมตร"
 
หินเข้าใกล้หน้ามาเรื่อยๆ
ใกล้มากกกกกกกกก ("สาดดด ถอยกลับตอนนี้ได้มั้ยวะ")
พี่คนคุมหน้าเรือเอนตัวลงนอน มือสองข้างไต่ดันหินด้านบน เพื่อให้เรือเคลื่อนไปด้านหน้า
จขบ.กระดุกกระดิกไม่ได้ ได้แต่นอนกระพริบตาปริบ พุงแขม่วแน่น นึกดีใจที่ตูไม่อ้วนไปกว่านี้
(อย่างนี้คนพุงใหญ่ๆ ฝรั่งจมูกแหลม หญิงหน้าอกใหญ่ จะผ่านได้มั้ย)
 
"อ๊า จะโดนแล้วๆๆๆๆ"
เสียงโวยวายของเพื่อนลำเดียวกันดังเป็นระยะ
เสียงกรี๊ดของเรือลำเพื่อนบ้านแว่วมาเป็นระยะๆ
("ผ่านมากี่เมตรแล้ววะ" )
 
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่จะคอยดูให้เอง โดนพี่ไม่เป็นไร อย่าให้โดนทุกๆคนละกัน" พี่ที่เฝ้าหลังเรือบอก
แล้วก็เล่าให้ฟังถึงความลับของการล่องถ้ำนี้ ว่าไม่โดนหรอก พี่คอยดันเรือให้ต่ำลงอยู่
และถ้าเห็นว่าเพดานถ้ำใกล้จะโดนหน้าพวกเราก็จะดันเรือให้ต่ำลงอีก
"อ้าว งั้นพี่ต่างหาก เป็นคนสำคัญสุด!"
 
"พี่ นี่เลยตรงที่ต่ำสุดมารึยัง"
"พี่ มีเตี้ยกว่านี้อีกรึเปล่า"
"มีอีกทางหนึ่งนะ เตี้ยกว่านี้อีก ระยะทางกิโลเมตรกว่า"
(แกว๊กกกกกกก ใครจะไป)
"พี่ ถ้ามันติดจะทำยังไงอะ" ("ก็ต้องค้างอยู่อย่างนี้ละครับ") -_-‘
ข้างหน้ามีทางลงแบบล่องแก่งด้วยมั้ยนะ ถ้ามีก็น่าสนุกดีนะ
 
ด้านขวาที่เราอยู่เพดานลาดต่ำกว่าอีกข้างมาก
(แกว๊ก แบบนี้ที่เค้าคอยดันเรือให้ต่ำลงจากด้านหลัง ก็แปลว่าด้านหน้าที่เรานั่งอยู่นี่เป็นจุดสูงสุดน่ะสิ!
หน้า+ขวา = เชี่ยม)
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรือเคลื่อนเรื่อยๆไม่หยุด และหินใกล้มากกกกกกกกขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่ไหวแล้ว"
ใกล้จนได้กลิ่นหิน
ต้องหลับตาไปเลยแป๊บหนึ่ง ..หน้าตรู หน้าตรู! อย่าให้มันเจ็บมากเลยแล้วกันนะ
 
เมื่อผ่านไประยะนึง ทุกคนเริ่มเงียบลง  (อาจเป็นลมไปแล้ว)
ไม่เคยดีใจเมื่อเห็นแสงสว่างขนาดนี้เลย
ตูรอดแล้ว.
 
เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้(ว่ามี)จริงๆ
 
 
ถ้ำมรกต ..ถ้ำกลางทะเลที่ต้องว่ายน้ำเข้าไปยังใจกลางเกาะ
เกาะกันเรียงแถวเดี่ยว(กินแรงคนข้างหน้า) ผ่านถ้ำมืดโคตร มองไม่เห็นอะไรเลย! (ตื่นเต้นๆๆ)
ข้างในเป็นปล่องใหญ่ แดดส่อง มีหาดทราย ต้นไม้
ดูล้านปีถูกใจมากกกก เหมาะแก่การมีคิงคองหรือทีเร็กซ์กระโดดลงมาอาละวาดที่สุด!
 
ทะเล
ไม่ค่อยรู้ตัวว่าได้ไปมา (จำได้แต่ถ้ำ .. adventure ถูกใจ ๕๕)
ไม่มีแดดจัด เมฆ 8 ส่วน T_T
 
 
ทริปนี้ไม่ได้เอากล้องไป(ยังไม่ได้ซื้อเลย ๕)
ไว้ได้รูปมาแล้วค่อยลงให้ชมกัน
 
 
โปรแกรม (เท่าที่ถามเค้ามา)
day 1 กระบี่
อ่าวนาง
เกาะสี่
สี่เกาะ (เกาะปอดะ, เกาะหม้อ, เกาะไก่, เกาะ???)
ทะเลแหวก
 
day 2 ตรัง
ดำน้ำที่ ???, ???
ถ้ำมรกต
เกาะกระดาน
 
day 3 on the way ทางกลับ
ถ้ำเลเขากอบ
สระมรกต
น้ำตกร้อน
 
 
ปล.
1. ขอโทษพี่ไกด์ที่ความร่วมมือต่ำ เนื่องด้วยจขบ.เกลียดกิจกรรมประเภทสันทนาการ
    แต่ข้อมูลความรู้ที่พี่ให้นั้นชอบนะ
2. โธ่! เพิ่งรู้ตอนนั่งรถทัวร์ขากลับว่ากล้องนั้นมีฟังก์ชั่นถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ มีอะไรที่อยากลองถ่ายเยอะแยะเลย! inspiration มาช้าไปแล้ว แง .. เพิ่งเริ่มมีใจถ่ายรูปข้างทางขากลับ
3. กลับมาแล้วอยากดู Indiana Jones อยากดูหนังผจญภัยยย
4. ใครรู้ว่าเราได้"ไปไหน"มาบ้างบอกหน่อยจิ -_-"
 
ปล.5 (updated) ได้รูปมาแล้ว แต่มีแต่เมฆหมอกครึ้ม เห็นแล้วเศร้า ไม่เอามาลงละกัน